จากรณี เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดไปป์บอมบ์ บ้านพ่อแม่ นายพลภูมิ ผู้ช่วย รมว.วัฒนธรรม ภายในซอยรามอินทรา 67 เคราะห์ ดีไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่วงจรปิดจับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุได้ชัดเจนเป็นชายสวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีแดง กางเกงยีนส์ขาสั้นสีดำ สวมเสื้อคอกลมแขนสั้นสีเขียว ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า มาคนเดียว ก่อนขว้างระเบิดแล้วขี่หลบหนีออกจากหมู่บ้านไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุ ที่ม.รามอินทรานิเวศน์ ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ ของนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรมว.วัฒนธรรม พบนายพลภูมิ กำลังยืนพูดคุยกับบิดาถึงเหตุการณ์เกิดขึ้น โดยคุณพ่อของนายพลภูมิยังอยู่ในอาการหวาดผวา นายพลภูมิกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายคนเดียวสวมหมวกกันน็อกใส่แมสขี่รถจยย. ทะเบียน 893 มองไม่เห็นหมวดจังหวัด ไฟท้ายรถสะท้อนแสง มาวนดูไปมาหน้าบ้าน 2-3รอบ ก่อนขว้างระเบิดเข้าไปในบ้าน เชื่อว่าเป็นการข่มขู่
นอกจากนี้ เมื่อช่วงเวลาเดียวกันประมาณ18.10 น. ของวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา มีคนร้ายรูปพรรณลักษณะเดียวกันใช้รถจยย.ปาระเบิดปิงปอง ด้านหน้าสำนักงานใหญ่บริษัทยูพีดี ริมถนนรามอินทรา พื้นที่สน.มีนบุรี กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ชัดเจน เหตุการณ์นี้ยังไม่ได้แจ้งความ ก็มาเกิดเหตุการณ์ที่บ้านพ่อแม่อีก
นายพลภูมิ กล่าวอีกว่า เรื่องความขัดแย้งนั้น ตอนนี้มุ่งไปที่ประเด็นพ่อแม่ปล่อยให้เช่าอาคาร หน้าสำนักงานเขตคันนายาว โดยมี รปภ.ของสำนักเขตคันนายาว อดีตทหารผ่านศึกเป็นผู้เช่าและให้เมียมาขายอาหารตามสั่ง แต่เมื่อช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมาแม่ของตนเองได้มีการปรับปรุงอาคารสถานที่ใหม่ และเพิ่มค่าเช่ามากขึ้น ทำให้ทั้งคู่สู้ราคาไม่ไหวจึงมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาเช่าแทน อาจทำให้เกิดความไม่พอใจได้ แต่หลังเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบ รปภ.คนดังกล่าวแล้ว พบว่า รูปพรรณสันฐาน ไม่ตรงกับชายที่ก่อเหตุ ส่วนปัญหาการเมืองไม่มี ตนเล่นการเมืองไม่ทะเลาะกับใคร ปัญหาชู้สาวของตนตัดทิ้งไปได้เลยยืนยันไม่มี บ้านหลังนี้ตนก็ไม่ได้พักอาศัยและที่ผ่านมาพ่อแม่ทำธุกิจก็ไม่เคยขัดแย้งกับใคร
ต่อมา ชุดสืบสวนได้ไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าผู้ก่อเหตุคือ นายชนะภัย หรือนิว อายุ 27 ปี อดีตคนงานส่งเอกสารของบริษัทยูพีดี ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับบ้านหลังที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงทำการตรวจสอบข้อมูลคดีในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลทั้งหมดพบว่ายังมีเหตุลักษณะใกล้เคียงกันอยู่อีก 1 ที่และมีความเกี่ยวโยงกันกับบ้านที่เกิดเหตุล่าสุด จึงกระจายข้อมูลไปยังชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลทั้งหมด
จนกระทั่งช่วงเย็นที่ผ่านมา ชุดสืบสวน สน.สุวินทวงศ์ ได้ออกตรวจพื้นที่ปราบปรามยาเสพติด ในซอยสุวินทวงศ์ 50 พบนายชัยชนะ มีท่าทีพิรุธ จึงเข้าไปขอตรวจค้น พบลักษณะตรงตามกับที่ตำรวจกำลังต้องการตัว จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำและแจ้งให้ สน.มีนบุรีและสน.คันนายาวรับทราบ
จากการสอบปากคำนายชัยชนะ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริงและยังเคยไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันที่บริษัทยูพีดี ตรงข้ามซอยรามอินทรา 109 ซึ่งเคยทำงานที่บริษัทดังกล่าวแต่ถูกไล่ออก จึงเกิดความแค้นและตัดสินใจซื้อประทัดยักษ์ ไล่นกมาประกอบเป็นระเบิดไปป์บอร์ม ไล่ก่อเหตุไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองหรือมีผู้ใดสั่งการ