เมื่อเวลา 00.10 น.ที่ผ่านมา พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับมือถือของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่นำมาจาก “บังแจ็ค” ซึ่งอาศัยอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีทีมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รอรับตั้งแต่ลงเครื่อง
ซึ่งทันทีที่ พ.อ.นพ.ธวัชชัย เดินทางมาถึงก็ได้ส่งมอบมือถือของแตงโม ที่ห่อด้วยพลาสติก 2 ชั้นให้กับทางเจ้าหน้าที่หน่วยนิติเวชวิทยา (CSI) จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบ DNA อย่างละเอียด รวมทั้งขอเก็บตัวอย่าง DNA ของ นพ.ธวัชชัย ไว้ด้วย
โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ทำการพิสูจน์หลักฐาน นพ.ธวัชชัย ก็ได้วีดีโอคอลหา “บังแจ็ค” เพื่อสอบถามรหัสมือถือ แต่เจ้าตัวเผยว่าจะบอกต่อเมื่ออยู่ในที่ปลอดภัยเท่านั้น และยังเล่าให้ฟังอีกว่า มีคนเสนอเงินถึง 5 ล้านบาทเพื่อแลกกับมือถือเครื่องนี้ แต่ตนไม่ได้หวังเรื่องเงิน อยากให้ไขคดีเรื่องนี้มากกว่า อีกทั้งยังเตือนว่าห้ามเปิดรูปในเครื่องให้ใครเห็น เพราะมีภาพที่ไม่สมควรเผยแพร่
หลังจากนั้น นพ.ธวัชชัย, นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ โดย นพ.ธวัชชัย บอกว่า ใช้เวลาเดินทางไปและกลับกว่า 75 ชั่วโมง แต่อุบค่าใช้จ่าย บอกแค่ว่าไม่ได้แตะเงินหลวงเลย โดยตนได้ดูทุกอย่างในเครื่องหมดแล้ว แล้วใช้วิธีถ่ายคลิปเก็บไว้เพื่อที่จะไม่สัมผัสกับตัวมือถือ
เมื่อถามว่าในมือถือมีหลักฐานเด็ดที่จะมัดตัวใครได้บ้าง นพ.ธวัชชัย เผยว่าเรื่องเจ้าหน้าที่ประพฤติและจำเลยทำลายหลักฐานโดนแน่ๆ แต่เรื่องฆาตกรรมอาจจะไม่มีหลักฐานขนาดนั้น
นพ.ธวัชชัย บอกอีกว่าให้รีบๆสารภาพเถอะ จะได้จบๆ ไม่ว่าจะเป็น 5 คนบนเรือหรือข้าราชการ เพราะตนยืนยันได้ว่าตั้งแต่สองทุ่มกว่า ไม่มีภาพของ แตงโม ในมือถือเลย เรื่องนี้คนบนเรือสามารถตอบได้ไหมว่าเป็นเพราะเหตุใด
ด้านนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า มือถือเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น เพราะพวกตนมีหลักฐานอย่างอื่นจากการที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอรวบรวมหลักฐานได้มาเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดการณ์ว่ามีคนร่วมอยู่ในขบวนการนี้ทั้งตำรวจและนักการเมืองมากกว่า 100 คน โดยไม่เกินวันพุธนี้ก็จะทราบว่าเป็นโทรศัพท์ของ แตงโม จริงไหม และในเครื่องมีอะไรบ้าง ทั้งรูป แชทไลน์ และข้อมูลการโทรของวันที่เกิดเหตุคือ 24 ก.พ. 2565
ด้านปานเทพ เปิดเผยสั้นๆว่า ตนเชื่อมั่นในการทำงานของดีเอสไอชุดนี้ เพราะมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา สังเกตได้จากการที่เปิดพื้นที่ในการตรวจสอบ DNA ต่อหน้าสื่อมวลชน
ทั้งนี้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของการสืบสวนในคดีนี้ ได้เปิดเผยว่า ทางทีมงานได้ไปรับมือถือตั้งแต่ลงเครื่อง และได้ตรวจว่ามี DNA ของผู้ใดติดอยู่กับตัวโทรศัพท์ เมื่อทราบผลแล้ว ทางพนักงานสืบสวนจะขยายผลเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องที่มี DNA ที่ตัวเครื่องโทรศัพท์หรือว่ามีข้อมูลที่อยู่ในเครื่องโทรศัพท์มาพบ
จากนี้จะเก็บมือถือไว้ที่ห้องความมั่นคงเก็บด้วยความลับขั้นสูงสุด โดยมีขบวนรถนำไปส่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และจะส่งไปที่นิติวิทยาศาสตร์ไปเก็บหลักฐานทางแล็บต่อไป โดยในวันที่ 10-17 ก.พ.นี้ ก็จะมีการเชิญบุคลมาให้การ ส่วนวันที่ 17 ก.พ.จะประสานความร่วมมือกับกรมเจ้าท่ากรมชลประทานในการเก็บรวบรวมหลักฐานสแกนภาพจากแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดในช่วงที่เรือวิ่งและจะใช้ GPS ตามช่วงเวลาที่เกิดเหตุเก็บข้อมูลทั้งหมด โดยจะมีการสแกนใต้น้ำและเก็บรวบรวมในสถานที่สงสัยอยู่โดยใช้เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทั้งนี้มีข้อสงสัยอยู่ 6 จุด จาก GPS ที่มีสิ่งผิดปกติ
อย่างไรก็ตามหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวทีมดีเอสไอ ก็ได้นำขบวนรถไปส่ง นพ.ธวัชชัย ถึงที่บ้านเพื่อความปลอดภัย