จากกรณีประเด็นร้อนในโซเชียลมีเดีย หลังจากพยาบาลสาวรายหนึ่ง โพสต์ข้อความหลังถูกญาติคนไข้ตบหน้าในโรงพยาบาล สาเหตุเพราะไม่พอใจที่พยาบาลคนดังกล่าวเตือนภรรยา ให้คำแนะนำเรื่องห้ามนำเด็กเข้าห้อง ICU เยี่ยมผู้ป่วยจากภาวะปอดติดเชื้อ จากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
จนทำให้เกิดความไม่พอใจและนำไปสู่ เหตุการณ์บานปลายเป็นการทำร้ายพยาบาล โดยตบหน้าพยาบาล 2 ครั้งโดยอ้างว่าบันดาลโทสะ จากกรณีที่พยาบาลใช้คำพูดไม่เหมาะสมนั้น
ขณะเดียวกันหลังจากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น กลับปรากฎว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียต่างเสียงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย โดยมีทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับญาติคนไข้ที่ก่อเหตุ และเห็นว่าไม่ควรใช้ความรุนแรง ต่อให้พยาบาลใช้คำพูดไม่เหมาะสมก็ควรใช้ช่องทางร้องเรียนแทน ขณะที่อีกฝ่ายมองว่า การที่พยาบาลใช้คำพูดไม่เหมาะสมกับญาติผู้ป่วย ถือเป็นการใช้ความรุนแรงทางคำพูดและเป็นเรื่องไม่เหมาะสมหรือไม่
ล่าสุด “รายการโหนกระแส” ได้สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยคุณปราย พยาบาลที่ถูกทำร้าย เล่าว่า ขณะที่ตนเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับคนไข้ดังกล่าว ได้เห็นลูกสาวของคนไข้มารอหน้าห้องพร้อมกับเด็กชาย 1 คน หลังจากนั้นพยาบาลอีกคนเข้ามาแจ้งกับตนว่า ได้แจ้งกับญาติคนไข้แล้วว่าไม่ให้เอาเด็กเข้ามา แต่เขายังเอาเข้ามาอยู่เลย ตนก็เลยบอกไปว่า ได้ๆ เดี๋ยวไปแจ้งให้
หลังจากนั้นตนก็ออกไปแล้วพูดกับญาติเขาว่า “ญาติคะ นำเด็กเข้ามาไม่ได้นะ หนูก็ชี้ให้เขาดูว่าเนี่ยขนาดคุณแม่คุณเป็นผู้ใหญ่ยังติดหนักเชื้อลงปอดขนาดนี้เลย แล้วถ้าน้องติดจะอาการหนักขนาดไหน ตนนี้แม่คุณก็อาการไม่ดีนะ ถ้าคุณต้องสูญเสียทั้ง 2 คนไปคุณรับได้เหรอ แล้วก็บอกว่าถ้าเกิดคุณรับไม่ได้ก็ให้นำเด็กออกไป”
โดยคุณปราย ยอมรับว่าตอนนี้กับญาติคนไข้พูดเสียงดัง เพราะคิดว่าถ้าได้พูดคุยแล้วรอบหนึ่ง มีการเตือนแล้ แล้วญาติยังพาเด็กเข้ามา เรามองว่าญาติยังขาดความตระหนักรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้กับเด็กที่ติดเชื้อโรคนี้มันร้ายแรงขนาดไหน จึงใช้เสียงดังในการเตือน โดยส่วนตัวไม่ได้ใช้เสียงดังกับการเตือนญาติผู้ป่วยกรณีอื่นๆ แต่กรณีนี้ที่ต้องใช้เสียงดังเพราะกลัวเด็กจะติดเชื้อไปด้วย เพราะในจังหวะนั้นมีการเปิดเข้าออกในห้องผู้ป่วยติดเชื้อ หลังจากนั้นตัวลูกสาวของคนไข้ก็พยักหน้ารับ แล้วเดินออกไป
ซึ่งหลังจากนั้นมีผู้ชายเดินกลับมาอีกครั้งหนึ่ง จะเข้าไปในห้อง ICU แต่มีพยาบาลอีกคนห้ามไว้ และผู้ชายดังกล่าวได้เดินเข้ามที่เคาน์เตอร์พยาบาล ซึ่งพยาบาลอีกคนก็แจ้งว่าญาติคนไข้เข้ามาในเคาน์เตอร์พยาบาลไม่ได้ แต่เขาก็ถามขึ้นว่าใครเป็นคนที่พูดคุยกับภรรยาเขากับลูกเขา ซึ่งตนก็เดินไปแล้วบอกว่าตนเป็นคนพูดเอง หลังจากนั้นเขาก็ลงมือทำตามที่เป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม คุณปราย ยืนยันว่า อยากให้ดำเนินการตามกฎหมาย และอยากให้เขาได้รับโทษสูงสุด ทั้งนี้ยืนยันว่าน้ำเสียงที่พูดออกไปไม่ได้รุนแรงเกินไป แต่ใช้เสียงดังเพื่อปรามไม่ให้นำเด็กเข้าห้อง ICU ด้วยความเป็นห่วงเด็ก
ด้านคุณหนู ภรรยาของชายผู้ก่อเหตุตบพยาบาล บอกว่า ต้องขอโทษพยาบาลที่สามีของตนได้ทำพฤติกรรมแบบนั้นไป และขอโทษโรงพยาบาล และคนไทยทุกคนที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น วึ่งตนก็ต่อว่าสามีเช่นกันที่ทำแบบนั้น เพาะแม้ว่าเขาจะพูดจาไม่ดี เราก็ไม่มีสิทธิทำร้ายใคร
โดยวันที่เกิดเหตุทางโรงพยาบาลอนุญาติให้เยี่ยมผุ้ป่วยในห้องผู้ป่วยวิกฤติได้ ซึ่งสามีตนก็ได้พาลูกไปด้วยคนหนึ่ง แต่ก็มีพยาบาลมาเตือนว่านำเด็กเข้าไปไม่ได้ ซึ่งสามีตนก็บอกว่าคุณยายป่วยเพราะติดเชื้อจากเด็กคนนี้ แต่เด็กหายแล้ว และเป็นหลานคนโปรดเลยอยากพามาให้กำลังใจ ใจชื้นขึ้นมา เพราะตอนที่แม่ตนมาที่โรงพยาบาลมาด้วยอาการโคม่า หมอแจ้งว่าโอกาสที่จะบอกว่ารอด 50% ยังมากไปด้วยซ้ำ ซึ่งพยาบาลคนแรกก็บอกว่าได้แต่ตอนนี้เช็ดตัวอยู่ สามีตนก็พาลูกออกมาก่อน ก็เหมือนว่าเป็นการขออนุญาตไปแล้ว หลังจากนั้นตนก็เป็นคนพาลูกไป คือใส่หน้ากากอนามัย และยืนอยู่หน้าห้องกระจก
“หลังจากนั้นก็มีพยาบาลอีกคนเดินออกมา แล้วถอดหน้ากากอนามัยออก แล้วชักสีหน้า แล้วพูดแบบว่าสูญเสียแม่อีกคนหนึ่งยังไม่พออยากจะสูญเสียลูกอีกคนหนึ่ง ยอมรับได้ใช่ไหม พาเด็กออกไปเดี๋ยวนี้ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างรุนแรงอยู่ค่ะ น้ำเสียงกระแทกกระทั้นโดยที่เราก็ตกใจ”
แต่ตอนนั้นตนก็บอกว่าโอเค และรับสภาพ ก่อนพาลูกออกไป แต่ลูกตนก็พูดว่า “ทำไมพี่พยาบาลดุเราอ่ะแม่ ไม่ขอโทษหนูด้วย” พอออกไปข้างนอกไปเจอพ่อ ลูกก็เล่าให้พ่อฟัง ตนก็เลยบอกสามีว่าเรากลับเถอะเพราะเขาไม่อนุญาตให้เอาเด็กเข้า ค่อยมาวันอื่น แต่ด้วยความที่แม่อาการหนักมากเลยบอกให้สามีเข้าไปดูแม่หน่อย แล้วเขาก็ไปยืนดูหน้าห้องกระจก ก็เห็นว่าแม่อาการหนักจริง คำพูดที่พยาบาลพูดที่เราเล่าให้เขาฟังเลยแว็ปมาในหัวเขา เขาก็เลยมีอารมณ์ เพราะเขามองว่าทางเราก็จิตใจไม่ดี พยาบาลก็น่าจะพูดดีๆ
คุณหนู บอกอีกว่า เรื่องนี้อยากให้แยกเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรก เราผิด เราทำร้ายร่างกาย เราผิด เราไม่มีข้อแก้ตัว ก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนอีกมุมหนึ่งตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ บุคลากรทางการแพทย์พูดกับญาติผู้ป่วยดีๆ หน่อย เพราะเข้าใจว่าพยาบาลเหนื่อย แต่ก็ต้องเข้าใจญาติว่าก็หนักเหมือนกัน บางคนก็ใจไม่ดี ซึ่งอยากให้รับการบริการที่เป็นมาตรฐาน ส่วนตอนนี้สามีของตน ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้าน แล้วเขาก็รู้สึกผิด ซึ่งหลังจากทำผิดเขาก็ไปที่สถานีตำรวจและยอมรับผิดกับตำรวจ
พิธีกรถามว่ารู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่พยาบาลพูดแม้จะใช้เสียงดังไปแต่เป็นการเตือนด้วยความหวังดี โดยคุณหนู ภรรยาผู้ก่อเหตุตบพยาบาล บอกว่า ทราบว่าเป็นการพูดด้วยความห่วงใย
เมื่อถามอีกว่าข้อความที่ไปพูดให้สามีฟังนั้นได้มีการใส่ชูรสหรือไม่ คุณหนู บอกว่าก็บอกปกติ คือชวนกลับด้วยซ้ำ แล้วบอกว่าค่อยมาใหม่ไม่ต้องพาลูกมา แต่ก็เล่าว่าพยาบาลก็ใช้น้ำเสียนิดหนึ่ง แต่เขาก็ไม่อะไร แล้วเขาก็ไปดูแม่พอเห็นสภาพแม่ ก็มีคำพูดผุดขึ้นมาว่าแม่จะตายแล้วหรอ แล้วยังมาว่าลูกจะตายอีก เขาก็เลยเหมือนเลือกขึ้นหน้า
อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายการให้สัมภาษณ์ คุณหนู บอกว่า อยากขอโทษพยาบาลอีกครั้ง ขอโทษทางโรงพยาบาลด้วย และขอบคุณทุกคนที่ยังดูแลแม่อยู่