การส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจนำไปสู่การก่อการร้ายหรือไม่ เพราะสิ่งนี้เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อปี 2558 ที่มีเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ หลังไทยส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
โดยเมื่อปี 2558 ที่ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีน เดินทางมาขอพรเรื่องโชคลาภและความสำเร็จ เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรง หลังรัฐบาลไทยมีการส่งกลับชาวอุยกูร์
แต่หลังการส่งตัวชาวอุยกูร์ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกคณะละครในศาลพระพรหมเชื่อว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เพราะกระบวนการส่งกลับในครั้งนี้ต่างจากอดีต ขณะที่ผู้ประกอบการยืนยันว่า ต้องไม่ประมาท
นายวสันต์ คำปันนา ผู้ประกอบการร้านขายดอกไม้ และเครื่องไหว้สักการะ ให้ข้อมูลกับทีมข่าว PPTV ว่า อยู่ในวันที่เกิดเหตุการณ์เมื่อปี 2558 และได้รับบาดเจ็บ จนส่งผลกระทบต่อการได้ยินจนถึงปัจจุบัน
เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นเร็วและใช้เวลาอยู่หลายเดือนกว่าจะกลับ มาเป็นปกติ แต่ก็ถือว่ากลับมาได้เร็วเพราะเชื่อว่า ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะพระพรหมมาเพราะศรัทธา
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายวสันต์บอกว่า ปกติจะมีนักท่องเที่ยวเดินมาสักการะพระพรหมอยู่เรื่อย ๆ โดยนักท่องเที่ยวส่วนมากจะเป็นชาวจีน ชาวเวียดนาม และช่วงนี้ก็จะมีนักเรียนมาขอเรื่องสอบเยอะ
แต่หลังจากมีการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีตำรวจมาเตือน และกำชับเรื่องความปลอดภัย
ด้านนายนพพลน์ น้อยเศรษฐี เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกคณะละคร ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวถึงจำนวนนักท่องเที่ยวว่า ในช่วงปลายปีก่อนนักท่องเที่ยวจะเยอะ แต่ในช่วงที่มีข่าว ซิงซิง ดาราจีนที่หายตัวไปหลังเดินทางเข้ามาประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะตอนนั้นนักท่องเที่ยวชาวจีนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน นายนพพลน์มองว่า การส่งตัวในตอนนี้ต่างกับการส่งตัวใน 10 ปีที่ผ่านมา เพราะเห็นว่ามีการถามข้อมูลเรื่องความสมัครใจด้วย และภาพที่เราเห็นตามข่าวก็เป็นภาพที่ดีเพราะเขาได้กลับไปกอดครอบครัว จึงไม่มีความกังวล ว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอย
ในส่วนของการดูแลความปลอดภัย นายนพพลน์บอกว่า พื้นที่นี้มีกล้องวงจรปิด มีตู้ดูแลความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ดูแลแบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนนักท่องเที่ยวถ้าหากมีการเกิดเหตุ รวมถึงได้รับการกำชับจากเจ้าหน้าที่ให้ช่วยดูแลความเรียบร้อยเป็นพิเศษในช่วงนี้