“DSI" เผยผลสอบปากคำ ”สมชาย“ วิศวกรผู้จัดการโครงการตึก สตง.ถล่ม สอบเดือดกว่า 8 ชม.

โดย PPTV Online

เผยแพร่

“DSI" เผยผลสอบปากคำ ”สมชาย“ วิศวกรผู้จัดการโครงการตึก สตง.ถล่ม สอบเดือดกว่า 8 ชม. ให้การเป็นประโยชน์ เน้นประเด็นโผล่ลายเซ็นชื่อรับรองการแก้ไขแบบ เจ้าตัวยอมรับ รู้รายละเอียดเอกสารแก้ไขแบบทั้ง 9 ฉบับ รวมถึงยืนยันว่าการแก้ไขแบบก่อสร้างเป็นการทำงานตามขั้นตอนกฎหมาย

จากกรณี นายสมชาย วิศวกรผู้จัดการโครงการ ภายใต้กิจการร่วมค้า PKW ในฐานะผู้ควบคุมงาน ซึ่งปรากฏชื่อในการลงนามให้ปรับแก้ Core Lift ตามแบบขยายที่ผู้ออกแบบได้ปรับแก้ ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ห้องประชุมกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ตามนัดหมาย เพื่อให้ข้อมูลและชี้แจงกระบวนการทำงานในฐานะผู้จัดการโครงการ

คอนเทนต์แนะนำ
จะไม่ยุติการค้นหา! แม้เจอผู้สูญหาย ตึก สตง.ถล่ม 103 ราย คาดใช้เวลาเคลียร์พื้นที่ 1 สัปดาห์
อย่าเชื่อข่าวปลอม! เตือนข่าว "จะเกิดแผ่นดินไหวที่อีสาน" เป็นข้อมูลเท็จ

สตง.ถล่ม ช่างภาพพีพีทีวี
“DSI" เผยผลสอบปากคำ ”สมชาย“ วิศวกรผู้จัดการโครงการตึก สตง.ถล่ม

ล่าสุด คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงผลการสอบสวนปากคำพยานรายสำคัญ นายสมชาย ว่า เมื่อวานนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการสอบปากคำนายสมชาย เป็นเวลากว่า 8 ชม. โดยจากคำให้การการชี้แจงของนายสมชาย ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้จัดการโครงการ ถือเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนในคดีอย่างมาก โดยมีการอธิบายว่า ตามหลักการทำงานก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ย่อมประกอบด้วยผู้เกี่ยวข้อง 4 กลุ่ม คือ

1.เจ้าของงาน

2.ผู้ออกแบบ

3.ผู้รับเหมาก่อสร้าง

และ 4.ผู้ควบคุมงาน

ดังนั้น กรณีเฉพาะในส่วนของผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ควบคุมงาน ย่อมมีการพูดคุยประสานงานกัน เพราะถ้าหน้างานการก่อสร้างมีปัญหาอะไร ก็ต้องแจ้งมายังผู้ควบคุมงาน และเนื่องด้วยผู้ควบคุมงาน บทบาทก็คือการรับจ้างทำหน้าที่ควบคุมงานให้กับผู้ว่าจ้าง (สตง.) ฉะนั้น การเซ็นชื่อลงนามในเอกสารการควบคุมงานก่อสร้าง (แก้แบบตึก สตง.) เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แต่ตนเองไม่ได้ถือเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด

อีกทั้งการจะแก้ไขแบบได้ ก็ต้องมีการถูกตรวจพบก่อนว่าเหตุใดในการออกแบบเพื่อจะนำไปสู่การก่อสร้าง จึงต้องมีการแก้ไขแบบก่อน ซึ่งก็ต้องเสนอตามลำดับชั้น ทางผู้ว่าจ้างเองก็ต้องรับทราบเพื่อให้การอนุมัติ จึงได้มีการก่อสร้างตามแบบที่ปรับแก้ไขให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย และระหว่างการก่อสร้างนั้น ก็ต้องมีการควบคุมงานเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามแบบที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ นายสมชาย ยอมรับว่า รู้รายละเอียดเอกสารแก้ไขแบบทั้ง 9 ฉบับ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องรับทราบตามการทำงานอยู่แล้ว

“สำหรับการแก้ไขผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) และผนังรับแรงเฉือน (Core Wall) หรือส่วนใดก็ตาม นายสมชาย ให้ข้อมูลว่า ทุกคนภายใต้สัญญาโครงการฯ ต้องรับรู้รับทราบหมด เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับตัวกฎหมาย อาทิ กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน โดย ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบทำให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ จึงเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันหลายฝ่าย ต้องร่วมกันพิจารณา มิใช่เพียงใครคนใดคนหนึ่งมีอำนาจตัดสินใจทั้งหมด“ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยด้วยว่า กรณีของนายสมชาย มีเอกสารเกี่ยวข้องจำนวนมากที่ต้องลงนามเซ็นรับรอง ไม่เพียงแต่เอกสารการปรับแก้แบบ แต่ด้วยความที่เจ้าตัว คือ ผู้จัดการโครงการก่อสร้าง จึงจะมีพนักงานคอยเตรียมเอกสารให้เซ็น อาทิ แบบรายงานการควบคุมงานก่อสร้างประจำสัปดาห์ และแบบรายงานการควบคุมงานก่อสร้างประจำเดือน เป็นต้น

ทั้งนี้ กรณีของนายสมชาย  และนายสมเกียรติ   ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ซึ่งถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงานตึก สตง. ภายใต้กิจการร่วมค้า PKW นั้น นายสมชายได้ให้การว่า ไม่เคยเจอนายสมเกียรติ ที่ไซต์งานก่อสร้าง อีกทั้งระหว่างบทบาทของนายสมชาย กับนายสมเกียรติ หากดูตามตำแหน่งในเอกสาร ก็ดูแลรับผิดชอบกันคนละส่วน เพราะนายสมชาย คือ ผู้จัดการโครงการ หากมีปัญหาใดในระหว่างการก่อสร้างก็ต้องเข้าไปตรวจสอบ

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยต่อว่า ประเด็นที่นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ซึ่งถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงานตึก สตง. ในเรื่องนี้จะทำให้เห็นความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวที่ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ 1.เจ้าของลายเซ็นที่ถูกปลอมในเอกสารถือเป็นผู้เสียหาย และ 2.สตง. ในฐานะที่ถูกนิติบุคคลนำลายเซ็นในเอกสารมาใช้

ดังนั้น ปัจจุบันเรื่องการถูกปลอมลายเซ็นทั้งกรณีของนายสมเกียรติ และพยานวิศวกรรายอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างการส่งตรวจพิสูจน์เรื่องลายเซ็น เพื่อใช้พิจารณาความผิดทางคดีอาญาต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานด้วยว่า จากรายงานของกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) พบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ได้คว้างานรับเหมาช่วงในโครงการหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จำนวนมูลค่าเกือบ 600 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าว คือ รพ.ตำรวจ โดยเป็นการรับเหมาช่วงมาจากบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ.

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ