สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนธิกำลังจากทุกภาคส่วน ลงพื้นที่ติดตามจับกุม พันตำรวจเอกชัยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ 34/2563 ลง 27 พฤษภาคม 2563 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่
ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 171
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณ ปี 2553 ตำรวจคนดังกล่าว ดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับการ สภ.แห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ได้ออกคำสั่งให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด และต่อมาตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้มีการอนุมัติเบิกเบี้ยเลี้ยงให้แก่ สภ.ดังกล่าว เป็นเงินจำนวน 283,176 บาท
ต่อมามีได้สั่งการให้นำเงินสดจำนวนดังกล่าวมามอบให้อดีต ผกก.รายนี้ และดำเนินการจ่ายให้ให้ลูกน้องที่ปฏิบัติหน้าที่เพียง 20,500 บาท ส่วนอีก 262,676 บาท ได้เก็บไว้เป็นของตนเอง ซึ่งเป็นลักษณะการเบียดบังเงินไว้เป็นของตนโดยทุจริต
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมดำเนินการสืบสวนจนทราบว่าผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าวได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จึงลงพื้นที่และเฝ้าติดตาม จนพบตัว พันตำรวจเอกชัยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับ และได้ดำเนินการจับกุม โดยผู้ถูกกล่าวหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงได้แจ้งว่าจะต้องถูกจับพร้อมกับแจ้งสิทธิของผู้ถูกจับให้ทราบ จากนั้นควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุม ณ สำนักงาน ป.ป.ช. และดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พร้อมทั้งควบคุมตัวส่งผู้ว่าคดีเพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ต่อไป
ทั้งนี้ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด