สอบสวนกลางเปิดข้อมูลเด็ด บัญชีวัดไร่ขิง ปี 67 รายได้พุ่ง 176 ล้าน!

โดย PPTV Online

เผยแพร่

สอบสวนกลาง แถลงคืบหน้าคดีวัดไร่ขิง พบข้อมูลเด็ดบัญชีวัดไร่ขิง ปี 67 รายได้พุ่ง 176 ล้าน บัญชีสาวคนสนิทอดีต "ทิดแย้ม" พบเงินหมุนเวียนทะลุ 2,000 ล้านบาท

22 พ.ค. 68 ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และคณะ แถลงความคืบหน้า คดีวัดไร่ขิง โดยเผยว่า จากการให้รายละเอียดก่อนหน้านี้ เป็นการชี้แจงข้อมูลเบื้องต้นในการทำงาน โดยวันนี้ ผบช.ก. ส่งตนมาเป็นตัวแทนให้รายละเอียดเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ทุกหน่วยสามารถเก็บข้อมูลได้เพิ่มเติม มีทั้งการสืบสวนทางเทคโนโลยี และการส่งคนเข้าไปสอดแนม จนได้ความคืบหน้ามา

คอนเทนต์แนะนำ
แฉ! "เจ๊เตย" คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หนีซุกสุโขทัย?
บุกค้นรอบ 4 ขุด 53 บัญชีวัดไร่ขิง รพ.เมตตาฯ แฉเงินตู้บริจาคหายปริศนา 3 ปี
เตรียมออกหมายจับมาเฟียคุมวัดไร่ขิง ข่มขู่คนในวัด-พระ เก็บรายได้วัด

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.  และ พ.ต.ท. สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ตำรวจสอบสวนกลาง
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พ.ต.ท. สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.

พ.ต.อ. ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. เผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดพบว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ยักยอกเงินวัดมาเป็นของส่วนตัวและใช้ในแนวทางที่ไม่เหมาะสม และมีการโอนให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ซึ่งเมื่อได้เงินส่วนมากจะนำไปใช้ในการพนัน

ขณะที่ พ.ต.อ. จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. ให้รายละเอียดว่า พบบัญชีของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 51 บัญชี บัญชีส่วนตัวของ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มี 21 บัญชี และ น.ส.อรัญญาวรรณ พบ 12 บัญชี โดยเจ้าหน้าที่มุ่งเน้นไปที่ผู้รับผลประโยชน์อย่าง น.ส.อรัญญาวรรณ โดยพบว่าตั้งแต่ปี 2559 น.ส.อรัญญาวรรณ มีเงินหมุนเวียนทั้งหมดกว่า 2,000 ล้าน รับเงินจาก 4 ช่องทางหลัก คือ มีเงินสดเข้าบัญชี รับโอนเงินจากอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง รับโอนเงินจากอดีตพระมหาเอกพจน์ และรับโอนเงินจากนายฉัตรชัย

ด้าน นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย รองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. เผยว่า ปปง. ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สิน และพบว่ามีความผิดมูลฐานชัดพอสมควรจากพยานหลักฐาน จากการตรวจสอบฐานข้อมูลของ ปปง. ปรากฏว่า พบธุรกรรมการเงินระหว่างอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและผู้เกี่ยวข้อง มีจำนวนมากพอสมควร

นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย รองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. ตำรวจสอบสวนกลาง
นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย รองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง.

ส่วน พ.ต.ท. สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า วัดไร่ขิงมีรายได้หลายช่องทางมาก แบ่งเป็น 2 บัญชี ป.ป.ท. รับมาตรวจสอบส่วนบัญชีวัด สตง. รับตรวจสอบในส่วนของมูลนิธิ ในส่วนของบัญชีวัดพบความผิดปกติหลายรายการ ซึ่งคาดว่าเป็นการทำบัญชีที่ไม่โปร่งใส

พ.ต.ท. สิริพงษ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้วัดไร่ขิง 1 ปี มีรายได้ประมาณ 30 ล้าน มีการนำเงินเข้าบัญชี มีธนาคารมารับ แต่ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ตัวเงินไม่ได้มีการปฏิบัติตามกระบวนการ มีการนำเงินสดไปมอบให้อดีตเจ้าอาวาส และพบว่าตั้งแต่ช่วงปี 2563 - 2567 เงินที่ถูกนำไปมอบให้อดีตเจ้าอาวาสมีทั้งหมดเกือบ 200 ล้าน ซึ่งต้องตามต่อว่าเงินไปไหน

นอกจากนี้ในส่วนของเงินกฐิน มีการนำเข้าบัญชีอดีตเจ้าอาวาสเช่นเดียวกัน จำนวนประมาณ 20 ล้าน และถอนออกไป ซึ่งต้องไปตรวจสอบต่อเช่นกัน และในส่วนของร้านค้าสวัสดิการ พบว่าการไหลของเงินจากร้านค่าสวัสดิการไปเข้าในบัญชีผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างไร ไปที่ใครบ้าง

ขณะที่รายได้วัดไร่ขิงระหว่าง เดือนตุลาคม 2566 ถึง กันยายน 2567 พบว่ามีรายได้ที่นำส่งห้องการเงินทั้งหมด 107 ล้านบาท และไม่ได้นำส่งห้องการเงิน 69 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) วัตถุมงคลรุ่นพิเศษ 4 ล้านบาท 2) เงินประมูลร้านค้างานประจำปี 2 งาน 48 ล้านบาท 3) เงินกฐิน 4 ล้านบาท 4) ค่าเช่าร้านค้ารายเดือน 1 ล้านบาท และ 5) ร้านค้าสวัสดิการ 12 ล้านบาท เฉลี่ยรายได้ต่อวัน 4 แสนบาท เฉลี่ยรายได้ต่อเดือน 14.7 ล้านบาท รวมทั้งปี 176 ล้านบาท

ขณะที่ นายคณพศ หงสาวรางกูร ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน สตภ.3 เผยว่า วัดมี 3 มูลนิธิ ได้แก่ มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง มูลนิธิพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ และมูลนิธิโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ ซึ่งมูลนิธิที่มีเงินมากที่สุดในปัจจุบันคือ มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง ส่วนมูลนิธิโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ มีอยู่ 66 ล้าน และ มูลนิธิพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ มีอยู่ 19 ล้าน โดยอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ประธานมูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง ได้ยืมเงินจากมูลนิธิดังกล่าวไปตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 35 ล้าน คืน 5 ล้านในปี 2567

คอนเทนต์สำหรับคุณ

เนื้อหาคัดสรรคุณภาพ

เนื้อหาสนับสนุน By Bluedot
เนื้อหาสนับสนุน By Bluedot

นายคณพศ หงสาวรางกูร ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน สตภ.3 ตำรวจสอบสวนกลาง
นายคณพศ หงสาวรางกูร ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน สตภ.3

ในทางการขอยืมไม่มีรายละเอียดการขอยืม ต้องตรวจสอบต่อว่ายืมไปทำอะไร ส่วนมูลนิธิพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ พบว่ามีการยืมไป 9 ล้าน ใช้ปีละ 1.1 แสน เป็นเวลา 9 ปี รวมวัดเป็นหนี้ของทั้ง 2 มูลนิธิ รวมแล้วประมาณ 38 ล้านบาท ต้องมีการตรวจสอบต่อว่ายืมไปเพื่อใช้ทำอะไร จะทำการตรวจสอบต่อไป

ด้าน นายบุญเชิด กิตติรรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า มีการเสนอแนวปฏิบัติ 4 ด้านด้วยกัน คือ

  1. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อวางแนวทางการพัฒนาระบบบริหารจัดการสาธารณสมบัติของวัด
  2. ประสานภารกิจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับบังคับใช้บริหารเงินวัดทั้งประเทศ
  3. ให้กำหนดแนวทางการจัดทำบัญชีวัดให้ได้มาตรฐานตามหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล โดยวางระบบบัญชีให้โปร่งใส ตรวจสอบได้
  4. กำหนดนโยบายส่งเสริมการนำระบบการรับบริจาคและบัญชีรายรับรายจ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในวัด เพื่อให้ข้อมูลทางการเงินโปร่งใสตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกรมสรรพากร

Bottom-VNL2025 Bottom-VNL2025

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ