จากสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา หลายพื้นที่ปลอดภัย ประชาชนทยอยเริ่มเดินทางกลับบ้าน แม้ว่าไม่มีเหตุปะทะหรือความรุนแรงเกิดขึ้น แต่บางพื้นที่ยังพบวัตถุระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัยตกค้าง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบและเก็บกู้เพื่อความปลอดภัยสูงสุด นางหน เลิศศรี หรือ ยายหน ที่ได้รับขนานนามว่าคุณแม่ 5 แผ่นดิน โดยยายหนเกิดเมื่อปี พ.ศ.2463 ปัจจุบันอายุ 105 ปี หนึ่งในผู้อพยพที่ศูนย์อพยพแห่งหนึ่ง จ.ศรีสะเกษ
ยายเปิดใจหลังเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาว่า เหตุการปะทะ เขายิงกันทั้งระเบิดและปืยยอมรับว่ารู้สึกกลัวมาก จึงได้อพยพมาอยู่ที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ โดยเปิดเผยว่าเงินบางส่วนที่ได้รับจะนำไปซื้อหมากพลูไว้เคี้ยว และซื้อข้าวกิน พร้อมหัวเราะทิ้งท้าย
นายสุรชัย สิงห์ทอง เจ้าของคอกปศุสัตว์ที่อยู่ติดชายแดนไทย - กัมพูชา เล่าว่า ตอนยังไม่ได้ยิงกัน ก็เลี้ยงดูแลทั้งวัวควายทั้งของตัวเองและของเพื่อนบ้าน รวมกว่า 16 ตัว เวลาเขายิงกันก็เข้าหลุบหลบภัย ได้ยินเสียงปืน ยิงข้ามหัวไปมา ขณะที่อยู่ในหลุมหลบภัย ยอมรับกลัวมากใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม จึงอพยพออกไปก่อนและกลับมาใหม่ ซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านให้อพยพไป ก่อนกลับมาเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2568 เช้ามา วันนี้ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันวันแรก นับตั้งแต่อพยพออกไป
ส่วนนายยรรยง ตั้งสุข เลขา อบต.เสาธงชัย เปิดเผยว่า สถานการณ์วันสองวันนี้ปลอดโปร่งดีอยู่ ไม่มีเสียงปืนดังขึ้น ชาวบ้านก็ได้กลับมาดูบ้านเรือน สิ่งของของตนเอง ว่าบ้านหลังไหนถูกระเบิด ถูกลูกปืนบ้าง หลายหลังที่ถูกลูกปืนใหญ่พังเสียหายเต็มๆ บางหลังก็ถูกแค่ลูกปืน หลังคา ฝาบ้าน พังเสียหาย ในตำบลเสาธงชัย สำรวจเบื้องต้น มีบ้านที่พังทั้งหลักง 48 หลังคาเรือน