จากกรณีที่ นายชยพล สท้อนดี สส. กทม. พรรคประชาชน ตั้งคำถามถึงการใช้งาน “ยางไส้ไก่” ในกองทัพสำหรับใช้ในการห้ามเลือด แทนที่จะใช้สายรัดห้ามเลือด หรือ Tourniquet กรณีเหตุปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ในการประชุมงบประมาณปี 2569 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น
เฟซบุ๊กเพจ thaiarmedforce.com ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า “ไส้ไก่หรือ Latex Surgical Tube ถือเป็นอุปกรณ์มาตรการของกองทัพบกไทยมาอย่างยาวนาน โดยมีวัตถุประสงค์คือใช้รัดเพื่อห้ามเลือดไม่ให้ร่างกายเสียเลือดจนเสียชีวิต”
“โดยเฉพาะในกรณีเสียอวัยวะ ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการเหยียบทุ่นระเบิด โดยเกิดขึ้นจากประสบการณ์ในการใช้งานในการรบกรณีบ้านร่มเกล้า และมีการพัฒนาและกำหนดให้ใช้งานโดยทั่วไปเนื่องจากราคาถูกและใช้งานง่าย ถ้าใช้งานเป็นก็จะห้ามเลือดได้ดี”
“แต่ 40 ปีผ่านไป การพัฒนาเทคโนโลยีก็เปลี่ยนไป จุดอ่อนของไส้ไก่ เช่น ค่อนข้างลื่น หลุดง่าย และถ้ารัดไม่เหมาะสมก็อาจกลายเป็นต้องเสียอวัยวะไปเลย ปัจจุบันจึงแนะนำสายรัดห้ามเลือดหรือ Tourniquet ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการรัดห้ามเลือดมากกว่า”
“ดังนั้น ไส้ไก่คือของล้าสมัยแล้ว จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้ทหารหลายส่วนเรียกร้องกันมานานมาก”
“อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้เคยออกคุณลักษณะเฉพาะ (คฉ.) ของสายรัดห้ามเลือดทางยุทธวิธีเพื่อใช้งานในภาคสนาม และได้ปรับปรุง คฉ. สำหรับชุด iFAK หรือชุดปฐมพยาบาลบุคคลสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และชุดปฐมพยาบาลสำหรับนายสิบพยาบาลชุดปฏิบัติการพิเศษ (Special Operation Medical Backpack) เพื่อปรับปรุงคุณลักษณะของสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าพยาบาลให้ทันสมัยขึ้น โดยมี Tourniquet เป็นอุปกรณ์พื้นฐานแล้ว”
“ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราน่าจะได้บอกลาไส้ไก่อย่างที่หลายฝ่ายเรียกร้องกันเสียที”
“อย่างไรก็ตาม Tourniquet ที่ใช้ต้องได้มาตรฐาน เพราะถ้าใช้ของปลอมหรือของที่ไม่ได้คุณภาพก็อาจจะเกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้”
“ทั้งนี้ แม้จะสามารถนำเข้า Torniquet ที่ได้มาตรฐานได้ แต่ก็มีราคาแพงคือราว 1,000 - 2,000 บาท (หลักร้อยต้น ๆ มักจะเป็นของปลอม) แต่รัฐและกองทัพควรส่งเสริมให้มีการผลิต Tourniquet ในประเทศให้ได้เพื่อลดต้นทุนและทำให้สามารถจัดหามาใช้งานได้เป็นจำนวนมาก”