กรณีที่ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธปืนกลมือ และเครื่องยิงลูกระเบิดยิงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย บริเวณช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ อำเภอน้ำยืน ต่างผวากับข่าวที่เผยแพร่ดังกล่าว ผู้นำชุมชนบางพื้นที่ประกาศให้กลุ่มเปราะบาง และชาวบ้านว่าหากไม่มั่นใจในสถานการณ์ สามารถอพยพออกนอกพื้นที่ไปที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวได้ แต่ทั้งนี้ทั้ง นั้นยังไม่มีการประกาศให้อพยพออกนอกพื้นที่อย่างเป็นทางการ
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ แหล่งข่าวทางทหารในพื้นที่ทราบว่าวันนี้ (27 ก.ย. 2568) มีลูกกระสุน ปืน ค. ของทางทหารกัมพูชาเข้ามาตกทางฝั่งไทย 3 ลูก จากนั้นได้มีเสียงปืนกลเล็กดังขึ้น 3 ชุด ชุดละ 5 นัด แต่แหล่งข่าวไม่ยืนยันว่าเสียงปืนกลเล็กที่ได้ยินต่อจากเสียงระเบิดนั้น เป็นของทางฝั่งไทยหรือทางกัมพูชา
สำหรับบรรยากาศภายในตัวอำเภอน้ำยืน พบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่มีชาวบ้านในบางส่วนที่อยู่ติด ชายแดน และอยู่ในแนวกระสุนจากรอบที่แล้ว เตรียมตัวเก็บของเพื่ออพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้วบางส่วน
นางสาวประคองจิต อายุ 45 ปี ชาวบ้านช่องอานม้า เปิดเผยว่าครอบครัวของตนมีสมาชิกทั้งหมด 4 คน มีความกังวลใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีกระแสข่าวยิงกันที่บริเวณช่องอานม้า ตนเกรงว่าจะโดนเด็ก ซึ่งวันนี้ตลอดทั้งวันในหมู่บ้านยังคงเงียบไม่มีเสียงปืน หรือ ระเบิดแต่อย่างใด แต่ก็คิดว่ามีการปะทะกันอยู่ด้านบน ในตัวหมู่บ้านเองถ้าไม่ใช่ปืนใหญ่จะไม่ได้ยินเสียง ตนเองก็ไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์หากไม่รีบอพยพ รอมีเสียงปืนใหญ่ก็อาจจะอพยพไม่ทัน เนื่องจากมีเด็กเล็ก ตอนนี้จะอพยพไปที่อำเภอเดชอุดม ตามที่ทางราชการได้มีการประชุมวางแผนเอาไว้เหมือนรอบแรก
ด้านนางทวี อายุ 66 ปี อีกหนึ่งชาวบ้านที่อพยพออกจากพื้นที่ อำเภอน้ำยืน พร้อมกับลูกชายป่วยติดเตียงได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยอารมณ์ ไม่พอใจทางกัมพูชา ที่ลืมบุญคุณของไทยที่เคยช่วยเหลือ และบอกว่าเพราะพวกกัมพูชาทำให้คนไทยต้องลำบากอพยพ ทั้งที่เป็นแผ่นดินของไทย