เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย ว่า กรณีสถานกักกันตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบางเขน กรุงเทพมหานครรับผู้ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายจากทั่วประเทศมาดำเนินคดี เริ่มตรวจพบผู้ต้องกักติดเชื้อเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 ตรวจพบรวม 9 ราย เป็นผู้ต้องกักชาวเนปาล 1 ราย ผู้ต้องกักแรกรับที่ย้ายมาจากสุไหงโกลก 6 ราย และผู้ต้องกักรายเดิม 2 ราย วันที่ 13 มีนาคม ตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 52 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกลุ่มสุไหงโกลก 40 ราย และผู้ต้องกักแรกรับติดเชื้อ 12 ราย ส่วนวันที่ 15 มีนาคม พบผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อชาวเนปาลอีก 16 ราย รวมทั้งหมด 77 ราย
ปี 63 - ต้นปี 64 พิษโควิด ฉุดท่องเที่ยวไทยฟุบ รายได้หด 82% สายการบิน โรงแรม อ่วม 2 ล้านคนตกงาน
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปคัดกรองเชิงรุกในระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม โดยตรวจผู้ต้องกักและเจ้าหน้าที่ทุกคนรวม 1,556 ราย พบติดเชื้อเพิ่มอีก 318 ราย คิดเป็นร้อยละ 20.4 ทำให้กลุ่มก้อนนี้มีผู้ติดเชื้อสะสม 395 ราย
สธ.ได้แยกผู้ต้องกักติดเชื้อออกจากผู้อื่น งดการย้ายผู้ต้องกักระหว่างห้องงดรับผู้ต้องกักใหม่เข้ามา ประสานงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่สโมสรตำรวจ จำนวน 120 เตียง ซึ่งสามารถขยายได้ 250 เตียง และเร่งฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ต้องกัก โดยฉีดแล้วมากกว่า 70 คน กรมควบคุมโรควางแผนดำเนินการตรวจซ้ำใน 7 วันและ 14 วันต่อไป ทั้งนี้ ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ การให้อยู่โรงพยาบาลสนามถือว่ามีความเหมาะสม เมื่อครบระยะเวลาก็ไม่สามารถแพร่โรคต่อได้ จะผลักดันกลับประเทศตามกฎหมาย
“การจำกัดพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นการขีดวงไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปยังคนอื่น ระบบการดูแลผู้ต้องกักถือเป็นพื้นที่เฉพาะ ไม่มีการออกไปสู่ชุมชน ขอให้วางใจ และย้ำว่าการลักลอบเข้าเมืองมีความผิดตามกฎหมาย และเสี่ยงนำโรคเข้ามา ขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตาก็จะช่วยป้องกันโรค” นายแพทย์เฉวตสรรกล่าว