พญ.สุชาดา เจียมศิริ ผู้อำนวยการกองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีส่วนช่วยประเทศให้สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ด้วย เพราะหากสามารถลดภาระจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้ นอกจากจะช่วยลดความสับสนระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่กับโควิด-19 ได้แล้ว ยังจะลดอุปสรรคในการป้องกันและควบคุมโควิด-19 รวมถึงค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุขที่ลดลงไปด้วย
"หมอยง" เผย "ซิโนแวค-แอสตร้าฯ" สร้างภูมิต้านโควิด-19 ได้ดี
องค์การอนามัยโลกอนุมัติวัคซีนโควิดซิโนฟาร์มใช้ในกรณีฉุกเฉิน
กางปฏิทินวัคซีนโควิดแอสตร้าเซนเนก้า ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ หลังผ่านตรวจสอบจาก ยุโรป-สหรัฐ
ทำความเข้าใจหลักการของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
หลักการของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดเองก็มีลักษณะเดียวกัน คือ ไม่ได้หมายความว่าเมื่อฉีดแล้วจะมีภูมิขึ้น สามารถป้องกันโรคได้ 100% ทุกคน แต่จุดมุ่งหมายของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับวัคซีนโควิด-19 คือช่วยลดอาการป่วยรุนแรง และลดโอกาสที่จะเสียชีวิตจากโรคเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าวัคซีนทั้ง 2 ชนิดจะฉีดพร้อมกันไม่ได้ โดยต้องเว้นห่างอย่างน้อยประมาณ 1 เดือน แต่การเข้ารับวัคซีนตัวหนึ่ง ก็จะได้ทำนัดในการรับอีกตัวหนึ่งไปเลย เพื่อให้แพทย์สามารถจัดตารางการให้วัคซีนได้ ในกรณีของกลุ่มเป้าหมายที่มีสิทธิได้รับวัคซีนทั้ง 2 ตัว
เนื่องจากอาการป่วยของโรคไข้หวัดใหญ่กับโควิด-19 นั้นมีลักษณะคล้ายกันมาก และไม่สามารถแยกได้ด้วยอาการ ฉะนั้นในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งเมื่อเจอเคสแล้วจะต้องมีการตรวจความเสี่ยง ตามไทม์ไลน์ สอบสวนโรคต่างๆ หากเรามีการฉีดวัคซีนที่ช่วยลดอัตราการป่วยไข้หวัดใหญ่ ก็จะช่วยลดความสับสนกับโควิด-19 ลงไปได้
นอกจากนั้นแล้ว กลุ่มเป้าหมายของการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับวัคซีนโควิด-19 นั้นใกล้เคียงกัน และมีหลายกลุ่มที่ซ้อนทับกันอยู่ ฉะนั้นการเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่โรงพยาบาล ผู้รับวัคซีนก็จะมีโอกาสได้พบกับเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบถึงสิทธิในการได้รับวัคซีนโควิด-19 ที่จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงให้ได้มากขึ้นด้วย
สำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด-19 มีไทม์ไลน์ที่ใกล้เคียงกัน คือ
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่กรมควบคุมโรคดำเนินการร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 6.4 ล้านโด๊ส นั้น มีแผนให้ตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นไป
- ส่วนวัคซีนโควิด-19 ก็จะเริ่มมีเข้ามาฉีดสำหรับประชาชนในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.
ดังนั้น การเข้ารับวัคซีนก็จะเหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือเมื่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลก็จะสามารถเช็คสิทธิได้เลยว่าได้รับอะไรบ้าง
ขณะที่ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงที่มีสิทธิรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฟรี ได้แก่
1. หญิงมีครรภ์ แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เมื่อมีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
2. เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี
3. ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค (โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน)
4. ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
5. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
และ 7. โรคอ้วน มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป หรือดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
โดยประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง สามารถจองสิทธิและนัดหมายเข้ารับการฉีดวัคซีนล่วงหน้าได้ ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 และเข้ารับการฉีดระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 31 สิงหาคม 2564
ส่วนหญิงตั้งครรภ์สามารถขอลงทะเบียนและฉีดวัคซีนได้ตลอดทั้งปี โดยมี 4 ช่องทางในการจองสิทธินัดฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ล่วงหน้าดังนี้
1. สายด่วน สปสช. โทร. 1330 กด 1 หลังจากนั้นกด 8 ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.
2. หน่วยบริการประจำหรือโรงพยาบาลในระบบบัตรทอง
3. Line @UCBKK สร้างสุข (เฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองหรือพักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร) ให้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 8.30-18.00 น. และวันเสาร์ถึงวันอาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น.)
เฉพาะผู้สูงอายุที่อายุ 65 ปีขึ้นไป สปสช.เปิดทางเลือกให้สามารถลงทะเบียนจองสิทธิและนัดฉีดผ่าน ภายใน
4. แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เมนู Health Wallet หรือกระเป๋าสุขภาพ
ผลพลอยได้ประชาชนป้องกันโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ลดลงไปด้วย
ในส่วนสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ปัจจุบันพบว่ามีการลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยช่วงที่เราควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งต้องมีมาตรการใส่หน้ากาก รักษาความสะอาดต่างๆ ได้ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยในโรคที่เกิดจากการสัมผัสไอจามลงได้ อย่างไรก็ตามการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก็ยังคงมีความจำเป็นสำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย และระบบการจัดการในภาพรวม