บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย เปิดเผยผลการศึกษาจากเครือข่ายการวิจัยการสร้างภูมิคุ้มกันโรคของแคนาดา (Canadian Immunization Research Network - CIRN) ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานสาธารณสุขของแคนาดาและสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติ แคนาดา ซึ่งเผยแพร่ในวารสารฉบับก่อนตีพิมพ์ ได้แสดงให้เห็นว่า
เดือน ก.ค. แอสตร้าเซเนก้าส่งมอบไทย อีก 5.3 ล้านโดส
แอสตร้าเซเนก้า เปิด ผลวิจัย "ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ"
Vaxzevria หรือวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า หนึ่งโดส มีประสิทธิผลสูงถึง 82% ลดการเจ็บป่วยในระดับที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เบตา/แกมมา
เปิดแผน เช็กรายจังหวัด ส่งวัคซีนไฟเซอร์ รอบต้นเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์เดลตา (B.1.617.2 หรือสายพันธุ์อินเดีย) ช่วยลดอาการป่วยรุนแรงที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรืออัตราการเสียชีวิตได้ถึง 87% และสายพันธุ์อัลฟา (B.1.1.7 หรือสายพันธุ์อังกฤษ) 90%
ผลการวิเคราะห์จากการศึกษาครั้งนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า SARS-CoV-2 รวมทั้งหมด 69,533 คน ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2020 ถึงพฤษภาคม 2021 ในรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา โดยแบ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในสายพันธุ์ที่ไม่น่ากังวลจำนวน 28,705 คน (6.8%) และในสายพันธุ์ที่น่ากังวลจำนวน 40,828 คน (9.7%)
ขณะเดียวกัน ผลการทดสอบประสิทธิผลของวัคซีน Vaxzevria หลังการฉีดเข็มแรกเพื่อป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตนั้น มีระดับตัวเลขที่ไม่แตกต่างกับวัคซีนอื่นๆ ที่นำมาทดสอบในการวิจัยครั้งนี้ โดยระยะเวลาในการติดตามผลยังไม่เพียงพอที่จะรายงานประสิทธิภาพของ Vaxzevria หลังการฉีดเข็มที่สอง แต่มีงานวิจัยอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่สองตามคำแนะนำในการเว้นระยะเวลาระหว่างการฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่สอง
ผลการศึกษาระบุว่าวัคซีน Vaxzevria มีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยที่ไม่รุนแรง โดยเป็นการรายงานผลทดสอบหลังจากการฉีดวัคซีนเข็มแรกเท่านั้น ไม่ได้เป็นข้อมูลหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่สองเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามการเว้นระยะฉีดตามที่กำหนด
เตรียมร่างกายให้พร้อม ไทยร่วมใจเปิดฉีดวัคซีนนอก รพ.เริ่ม 7 ส.ค.นี้
โปรแกรมถ่ายทอดสดโอลิมปิก 2020 วันนี้ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 5 ส.ค. 2564
ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าประสิทธิภาพของวัคซีนจะเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับเข็มที่สอง 2 แล้ว ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันอาการป่วยที่ไม่รุนแรงนั้น ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพในการป้องกันโรครุนแรง โดยประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการไม่ว่าในระดับใดจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์เบตา/แกมมาอยู่ที่ประมาณ 50% และ 70% และ 72% สำหรับสายพันธุ์เดลตาและอัลฟา ตามลำดับ
การทดลองในเฟสที่ 1 และ 2 ที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยวิทวอเตอร์ สแรนด์ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่จำกัดในการป้องกันอาการที่ไม่รุนแรงในขั้นต้นที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เบตา โดยการทดลอง ยังไม่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันอาการที่รุนแรงได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งการลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิต เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว มีสุขภาพดี และมีอาการของโรคไม่รุนแรงเท่านั้น
วัคซีน Vaxzevria วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า (เดิมเรียก AZD1222) ถูกคิดค้นและพัฒนาร่วมกันโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและบริษัท วัคซีเทค ซึ่งก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พัฒนาโดยการนำส่วนของสารพันธุกรรมที่ใช้ในการถอดรหัสการสร้างหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ใส่ในโครงของอะดีโนไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วไปในลิงชิมแปนซีที่ถูกทำให้อ่อนแรงลงและไม่สามารถแบ่งตัวได้
โดยหลังจากฉีดวัคซีนเซลส์ในร่างกายมนุษย์จะตอบสนองโดยการสร้างโปรตีนที่มีลักษณะเดียวกันกับหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในกรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายในภายหลัง