นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่าเหตุผลของการทำ Sandbox Safety Zone in School หรือ โรงเรียนแซนด์บ็อกซ์ เพราะสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้ต้องปิดโรงเรียนหลายแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงและสีแดงเข้มเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน แต่ผลที่ตามมาคือนักเรียนไม่สามารถเรียนได้ตามปกติ และยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพด้านการศึกษา ทั้งสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่รู้ว่าจะดีขึ้นเมื่อไร จำเป็นต้องปรับแนวทางการเรียนการสอนให้กลับมาเหมือนปกติโดยเร็ว และมีครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับวัคซีนจำนวนหนึ่งแล้ว
โดยตอนนี้มีโรงเรียนประจำ และโรงเรียนนานาชาติ ที่สนใจทำโรงเรียนแซนด์บ็อกซ์ ประมาณ 100 กว่าโรงเรียนทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนในพื้นที่สีแดงและสีแดงเข้ม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการทำการประเมินว่าโรงเรียนมีความและได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองหรือไม่
โดยจะเริ่มต้นจากโรงเรียนประจำก่อน เพราะง่ายต่อการดูและปฎิบัติตามมาตารการ Bubble and Seal โดยจะมีการจำกัดบุคคลเข้าออกโรงเรียนอย่างชัดเจน มีการคัดกรองโดยใช้วิธี Antigen Test Kit เฝ้าระวังสุ่มตรวจให้ครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา ทุก 14 วัน หรือ 1 เดือน ต่อภาคการศึกษา
ส่วนนักเรียนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว จะพิจารณาฉีดวัคซีน mRNA ให้ก่อน แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เพราะตอนนี้วัคซีนยังไม่เพียงพอ และต้องพิจารณาให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงก่อน
นายแพทย์สราวุฒิ ยังระบุว่าท่ามกลาง สถานการณ์โควิดที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวันแตะ 2 หมื่นคน เป็น สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง แต่มองว่าเด็กจะมีความปลอดภัยที่โรงเรียนมากกว่าที่บ้าน หากดำเนินการตามาตรการของโรงเรียนแซนด์บ็อกซ์
สำหรับ โรงเรียนแซนด์บ็อกซ์ นายแพทย์สราวุฒิ ระบุว่า แบ่งออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกเริ่มประมาณวันที่ 16 ส.ค.นี้ และเฟสที่สองหลังเดือน ส.ค. โดยจะมีการนำ ข้อเสนอแนะและจุดที่ยังเป็นปัญหาจากเฟสแรกมาพิจารณาร่วมด้วย เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ และแนวทางการทำโรงเรียนแซนด์บ็อกซ์ในเฟสต่อไป