ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เมื่อบ่ายวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณารับทราบและเห็นชอบเกี่ยวกับแผนการจัดหาวัคซีน และแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19
โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.แถลงหลังการประชุม เผยว่า นอกจากไทยจะได้รับวัคซีนโควิดจากสหรัฐอเมริกาอีก 1 ล้านโดส ไทยยังมีการแลกเปลี่ยนวัคซีนกับภูฏาน และไทยจะได้ รับมอบ ยา Monoclonal antibody ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต จากเยอรมนี ของบริษัท Regeneron 1,000 - 2,000 ชุด
ส.ส.ชลบุรี เร่งสอบ ผู้ช่วยส.ส.ได้ฉีดไฟเซอร์
พญ.พาญาติฉีดไฟเซอร์ ยื่นใบลาออกแล้ว
ขณะที่ ศบค. เผยผลการเกิดภูมิคุ้มกันในการฉีดวัคซีนสูตรต่างๆ
ทดสอบจากอาสาสมัครคนไทยที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด - 19 แบ่ง 3 กลุ่ม
ซึ่งข้อมูลพื้นฐานของอาสาสมัครทั้ง 3 กลุ่มไม่ มีความ-แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีนโดสที่ 2 แล้ว 14-72 วัน วัดระดับภูมิคุ้มกันชนิด Spike RBD-specific IgG พบว่า อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างชนิดกัน ซิโนแค และแอสตร้าเซเนก้า) ร่างกายตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนชนิดเดียวกัน (ซิโนแวค และซิโนแวค หรือ แอสตร้าเซเนก้า และแอสตร้าเซเนก้า)
เป้าหมายให้บริการวัคซนีโควิด 19 อย่างน้อยจำนวน 10 ล้านโดส ในเดือนกันยายน 2564
การจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เร่งฉีดในกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรค และำหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไปเพื่อลดอัตราการเสียชวีิต
เกณฑ์การจัดสรรวัคซีนโควิด 19 ในเดือนกันยายน ดังนี้
•ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2
•เพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนโควิด 19 ในผู้สูงอายุให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ในทุกจังหวัดภายในเดือนกันยายน 2564
•ควบคุมการระบาดในพื้นที่ต่างๆ ตามสถานการณ์
•ฟื้นฟูเศรษฐกิจและรองรับแผนเปิดการท่องเที่ยวในระยะถัดไป
•กรณีจัดหาวัคซีนได้น้อยกว่า10 ล้านโดส จำนวนที่จัดสรรจะลดลงตามสัดส่วนวัคซีนที่จัดหาได้
จำนวนวัคซีนที่จัดสรรขึ้นกับสถานการณ์การระบาดโรคและปริมาณวัคซีนที่ได้รับมอบจากบริษัทผู้ผลิต
ขณะที่ ที่ประชุมศบค.ยังมีมติเห็นชอบแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ดังนี้
เห็นชอบในหลักการจัดหาวัคซนีในชว่งเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564
เพื่อนำมาใช้ในช่วงที่วัคซีนมีจำกัดเพิ่มเพิ่ม เนื่องจากปัญหาสายพันธุ์ เดลต้าที่วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้น้อย จึงควรเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มความครอบคลุม ในทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งต้องได้วัคซีน 100 ล้านโดส ในปี พ.ศ.2564
โดยการเจรจาจัดหาวัคซีนเพิ่มจากผู้ผลิตที่สามารถส่งมอบวัคซีนได้โดยเร็วที่สุด ได้แก่
- ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติจองซื้อวัคซีนจากบริษัท Pfizer เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส (ผ่าน มติศบค. 1 ส.ค. 64)
- ให้องค์การเภสัชกรรมหรือ GPO จัดหาวัคซีน Sinovac เพิ่มเติมอีก 12 ล้านโดส
- ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เจรจาจัดหาวัคซีนอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส ภายในปี 2564
ทั้งนี้มอบหมายให้กรมควบควบคุมโรคดำเนินการร่วมทั้ง 3 รายการจัดหาวัคซีน
- ยี่ห้อแอสตร้าเซเนก้า AstraZeneca แผนสั่งจอง 61 ล้านโดส ผู้ผลิตส่งมอบแล้ว 14.7 ล้านโดส โดยมีแผนส่งมอบเดือนละ 5 ล้านโดส ขึ้นไป จนครบ 61 ล้านโดส ขณะที่รับวัคซีนบริจาค แล้ว 1.46 ล้านโดส
- ยี่ห้อซิโนแวคSinovac (Coronavac) แผนสั่งซื้อตามสถานการณ์ระบาด ส่งมอบแล้ว 13.4 ล้านโดส เหลือรับเพิ่ม 5.7 ล้านโดส (ส.ค.-ก.ย.64) รับวัคซีนบริจาค แล้ว 1 ล้านโดส
- ยี่ห้อไฟเซอร์ Pfizer สั่งจอง 20 ล้านโดส และมีแผนได้รับบริจาคอีก 1 ล้าน ผู้ผลิตยังไม่ส่งมอบ(ในส่วนสั่งจอง) กำหนดส่งไตรมาส 4 ขณะที่รับวัคซีนบริจาค แล้ว 1.5 ล้านโดส
- ยี่ห้อจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน J&J บริษัทขอเลื่อนลงนามสัญญาด้วยพบ ปัญหาการผลิต
- ยี่ห้อสปุตนิก วี Sputnik รอขึ้นทะเบียนอย.
- ยี่ห้อซิโนฟาร์ม Sinopharm ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นำเข้า ส่งมอบแล้ว 5 ล้านโดส แผนการส่งมอบเพิ่ม 5 ล้านโดส
- ยี่ห้อโมเดอร์นา Moderna องค์การเภสัชฯ สภากาชาดไทย มีแผนนำเข้า 5 ล้านโดส กำหนดส่งมอบปลาย 2564