"เอดส์" เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจในทุกประเทศทั่วโลก รายงานของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) พบว่าปี 2563 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกสะสม 37.7 ล้านคน เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 1.5 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ 680,000 คน ขณะที่ประเทศไทย คาดประมาณผู้ติดเชื้อเอชไอวีปี 2564 พบว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังมีชีวิตอยู่ จำนวน 493,859 คน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ จ้านวน 5,825 คน (เฉลี่ย 16 คน/วัน) และมีผู้เสียชีวิตจากเอชไอวีจำนวน 11,214 ราย/ปี (เฉลี่ย 31 ราย/วัน)
กรมควบคุมโรค รณรงค์ยุติเลือกปฏิบัติผู้มีเชื้อ “HIV”
ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ชี้พบหญิงไทยติดเชื้อเอชไอวี ปีละกว่า 4,000 คน
แต่การแบ่งกลุ่ม ความไม่เท่าเทียม และการถูกละเลยด้านสิทธิมนุษยชนที่ยังคงล้มเหลวอยู่ ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อ HIV ยังคงอยู่ในสภาวะวิกฤต โดยวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็น "วันเอดส์โลก" ถูกก่อตั้งเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ ซึ่งองค์กรอนามัยโลก และกลุ่มพันธมิตรได้ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ทำให้ช่องว่างความไม่เท่าเทียมขยายตัวมากขึ้น โดยปีนี้จะมุ่งเน้นเพื่อจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาบริการอย่างเท่าเทียม
สำหรับความเหลื่อมล้ำในที่นี้ คือ ความไม่เท่าเทียมในด้านอำนาจ สิทธิ สถานะ ซึ่งหลายคนถูกมองข้ามเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ควรได้รับ หรือหมดโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาที่จำเป็น โดยเฉพาะกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีฉีด กลุ่มพนักงานบริการ สตรีข้ามเพศ และกลุ่มเยาวชน รวมถึงกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ เป็นต้น
ดังนั้น “End inequalities. End AIDS.End pandemics : ยุติความเหลื่อมล้ำ ยุติเอดส์” จะเป็นหัวใจสำคัญในการรับมือและแก้ไขปัญหาเอดส์ โดยเริ่มจากการสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องว่า “เอดส์เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” และไม่ได้ติดต่อกันได้ง่ายๆ
และเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560 – 2573 ประเทศไทยจะขับเคลื่อนไปสู่ 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่
1. ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้เหลือปีละไม่เกิน 1,000 คน
2. ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีเหลือปีละไม่เกิน 4,000 ราย
3. ลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวี และเพศภาวะลง ร้อยละ 90