"กาแฟ" เครื่องดื่มแก้ง่วงยอดฮิต ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย!


โดย BDMS Wellness Clinic

เผยแพร่




'กาแฟ' เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลายคน และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ถึงแม้จะเป็นตัวช่วยแก้ง่วงที่ดี แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องพึงระวัง

ข้อมูลจาก STATISTA แสดงให้เห็นว่า ในปี 2021 เม็ดเงินในธุรกิจกาแฟมีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ​ และคาดว่าจะเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 8.28% จนถึงปี 2025 หากมองในด้านโภชนาการ กาแฟดำที่ไม่ได้เติมส่วนผสมอย่างอื่น เช่น น้ำตาลหรือครีม จัดเป็นเครื่องดื่มที่มีพลังงานต่ำ กาแฟ 1 แก้ว (240 มล. หรือ 8 ออนซ์) มีพลังงานน้อยกว่า 5 กิโลแคลอรี เป็นแหล่งของสารอาหารต่าง ๆ เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และกรดโฟลิก อีกทั้งยังอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ มากมาย

คอนเทนต์แนะนำ
ส่งเสริมสุขภาพดีที่ "BDMS WELLNESS CLINIC" | เปิดตำนานกับเผ่าทอง ทองเจือ
ทำไมวิตามินเฉพาะบุคคลจึงจำเป็นต่อร่างกาย

 

'สาร' ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของกาแฟ คงหนีไม่พ้น 'คาเฟอีน' ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นสมองและระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กะเปร่าและป้องกันอาการเมื่อยล้า

ปริมาณคาเฟอีนรวมถึงสารต่าง ๆ ในกาแฟจะมากหรือน้อยขึ้นกับสายพันธุ์และกระบวนการผลิต หากเปรียบเทียบในปริมาณที่เท่ากัน กาแฟเอสเพรซโซ่ มีคาเฟอีน 64 มิลลิกรัมต่อ 30 มิลลิลิตร ส่วนกาแฟสำเร็จรูป มีคาเฟอีน 24 มิลลิกรัม ต่อ 30 มิลลิลิตร  ปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียต่อสุขภาพจากการดื่มกาแฟ วันนี้เราจึงมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน

ข้อดีของกาแฟ

ได้รับการวิจัยไว้ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ได้แก่

  • ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease; CVD) มีงานวิจัยยืนยันว่าการดื่มกาแฟดำในปริมาณที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ และยังสามารถลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้สูงถึง 21%

  • ฤทธิ์ต้านมะเร็ง กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การดื่มกาแฟสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด เช่น หากดื่มกาแฟวันละ 2 แก้ว ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งตับได้ถึง 43% และลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ถึง 52%

  • ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน การดื่มกาแฟมีความสัมพันธ์กับการลดภาวะดื้อต่ออินสุลิน (Insulin Resistance) การดื่มกาแฟ 1 แก้วต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานได้ 6% และมีส่วนช่วยในการลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน จากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ

  • ช่วยลดโรคอ้วน กาแฟช่วยลดระดับฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่เกี่ยวข้องกับความหิว ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในร่างกาย โดยคาเฟอีนช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ ได้ 29% และในคนอ้วนได้ 10%

  • ลดความเสี่ยงของโรคทางสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน มีงานวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดโรคที่เกี่ยวกับสมองได้

  • เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย หากได้รับคาเฟอีน 3-6 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ช่วยเพิ่มสมรรถนะและความทนทานในการออกกำลังกายรูปแบบต่าง ๆ ได้

​ข้อเสียของกาแฟ

อย่างไรก็ตามกาแฟก็มีข้อควรระมัดระวังหลายอย่าง เช่น

  • ร่างกายคนเราตอบสนองต่อกาแฟแตกต่างกัน ความสามารถในการกำจัดคาเฟอีนได้เร็วหรือช้านั้นมีความแตกต่างกันขึ้นกับรหัสพันธุกรรม CYP1A2 และ AHR ผู้ที่กำจัดคาเฟอีนได้ช้าอาจเกิดผลข้างเคียงจากการดื่มกาแฟ เช่น วิตกกังวล นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย คลื่นไส้ ปวดหัว มือสั่น หัวใจเต้นเร็ว เป็นต้น 

  • กาแฟไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การดื่มกาแฟ ตั้งแต่ 2 แก้วขึ้นไป เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งได้ถึง 8% และหากเพิ่มเป็น 4-7 แก้วต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์เสียชีวิตหรือภาวะตายคลอด (Stillbirth) มากขึ้นถึง 80%

  • กาแฟเย็นมักมีพลังงานสูงมาก แม้ว่าภายในเมล็ดกาแฟจะมีสารต่าง ๆ ที่สามารถช่วยเรื่องโรคอ้วนและโรคเบาหวานได้ แต่หากดื่มกาแฟที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและครีม จะยิ่งซ้ำเติมให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น จากรายงานของกรมอนามัยพบว่ากาแฟใส่นมขนาด 20 ออนซ์ จะมีพลังงานมากกว่า 200 กิโลแคลอรี และน้ำตาลมากถึง 8-9 ช้อนชา จึงแนะนำให้ดื่มเป็นกาแฟดำไม่เติมน้ำตาล

  • ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ ตามที่รู้กันว่าการดื่มกาแฟช่วยลดอาการง่วงนอน กระตุ้นให้สมองตื่น แต่การดื่มมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ร่างกายกำจัดคาเฟอีนได้ช้า ส่งผลให้นอนหลับไม่สนิทหรืออาจนอนไม่หลับเลยก็เป็นได้

  • เพิ่มอาการทางจิตเวช แม้คาเฟอีนจะมีประโยชน์ช่วยเพิ่มความตื่นตัวและสมาธิให้ผู้ดื่มมากขึ้น แต่ควรระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีอาการตื่นตระหนกหรือโรคกลัวการเข้าสังคมอยู่เดิม เพราะการบริโภคคาเฟอีนมากเกินไปทำให้เกิดอาการคล้ายกับอาการผิดปกติทางจิตเวชได้ เช่น ความรู้สึกวิตกกังวล กระวนกระวายใจ และอาการทางจิต

​     กาแฟก็เหมือนกับอาหารชนิดอื่น ที่ให้คุณประโยชน์หากทานอย่างพอดี และให้โทษกับร่างกายได้หากรับประทานมากเกินไป ดังนั้นจึงควรดื่มอย่างเหมาะสม โดยเลือกรับประทานเป็นกาแฟดำ ไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์และลดโอกาสการเกิดผลเสียต่อสุขภาพ​

BDMS Wellness Clinic มุ่งมั่นพัฒนาและวิจัยเรื่องสุขภาพ เพื่อมอบเป็นของขวัญสุขภาพแก่คนไทยทุกคน เพราะสุขภาพที่ดี คือของขวัญที่ดีที่สุด Live longer, Healthier and Happier

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ​ ไลน์: @bdmswellnessclinic or  https://lin.ee/rdIDv1A เว็บไซต์ : www.bdmswellness.com

ซูเปอร์คอมทำนายแชมป์พรีเมียร์ลีก พร้อม 20 อันดับ สเปอร์ส หลุดยาว

ครม.ไฟเขียวจ่ายเงินชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่

"ชิกิต้า" (CHIQUITA) เด็กไทยมาแล้ว! ทีเซอร์แรก BABYMONSTER นับถอยหลังเดบิวต์

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ