กสทช.ใส่หมายเลข “+66” เบอร์โทรต่างประเทศ แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
กสทช. เผยปิดแล้ว 600 รายชื่อ SMS หลอกลวง-เว็บพนัน ส่งดำเนินคดีจับกุม 131 ราย
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยภายหลัง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รับความร่วมมือจาก 6 เครือข่ายโทรศัพท์ว่า ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.65 เป็นต้นไป จะดำเนินการใช้ 4 มาตรการ เพื่อสกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ต่างประเทศ คือ
1.ระงับสายโทรเข้าจากต่างประเทศที่เป็นเบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์สั้น 3 หลัก หรือ 4 หลัก ที่โทรเข้ามาในประเทศไทย
2.ระงับเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นรหัสโทรศัพท์ประจำประเทศ ที่สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ยังไม่ได้เปิดใช้งานจริง
3.ตรวจสอบสายโทรเข้ามาจากต่างประเทศด้วยระบบ Test Call Generator (TCG) ที่เคยทำผิดกฎหมาย ว่ามีการดัดแปลงเลขหมายหรือโทรจากคอมพิวเตอร์หรือไม่ หากตรวจพบก็จะบล็อกไอพีดังกล่าวทันที
4.ในกรณีที่สายโทรเข้ามาจากต่างประเทศไม่ได้มีการกำหนดเลขหมายต้นทาง ให้ดำเนินการเพิ่มเครื่องหมาย +66 นำหน้าเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้ประชาชน ได้ตระหนักว่าเป็นหมายเลขของมิจฉาชีพ
โดยการนำรหัส +66 มาใส่หน้าหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกปลอมแปลงโดยไม่ใส่หมายเลขต้นทาง เพราะ +66 เป็นรหัสโทรศัพท์ของประเทศไทย ซึ่งปกติแล้วจะปรากฏก็ต่อเมื่อผู้ใช้โทรศัพท์ในประเทศไทยโทรออกไปยังต่างประเทศเท่านั้น แต่ในกรณีนี้เป็นการนำมาใส่ไว้หน้าเบอร์โทรศัพท์ที่โทรออกมาจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยเมื่อประชาชนเห็น +66 ขึ้นต้นให้สันนิษฐานได้ทันทีว่าหมายเลขดังกล่าวคือมิจฉาชีพ
“ส่วนกรณีที่ 4 คือกรณีที่สายเข้ามาจากต่างประเทศไม่ได้มีการกำหนดหมายเลขต้นทางคือโทรเข้ามาเลย คือปลอมเป็น 081 086 อะไรพวกนี้ ถ้าโทรมาจากต่างประเทศจะขึ้น +66 ซึ่งรหัส +66 คือรหัสประเทศไทย เมื่อมี +66 คุณต้องรู้เลยว่าไม่ใช่แล้วนี่เป็นเบอร์ที่โทรจากต่างประเทศ แต่ +66 มันก็จะเป็น 02 05 30 34 เพราะว่าเขาต้องปลอมตัวมาเป็นเบอร์ภายในประเทศ แต่ถ้าโทรมาจากต่างประเทศเมื่อไหร่ กสทช.ได้ประสานกับ 6 เครือข่ายแล้วว่ามันจะเป็นออโต้ขึ้นมา +66 เลย” พล.ต.ท.กรไชย กล่าว
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวต่อว่า นอกจากการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่ต้นทางแล้ว ล่าสุดยังมีการดำเนินการเซ็นต์ MOU ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างสมาคมธนาคารไทย ทั้งหมด 20 ธนาคาร พร้อมตั้งศูนย์บริหารการแจ้งความที่เปิด ให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยศูนย์ดังกล่าวจะมีแอดมินเพื่อคอยบริหารจัดการให้กับสถานีตำรวจต่าง ๆ ในกรณีที่มีประชาชนมาแจ้งความว่าถูกหลอกให้โอนเงิน จากนั้นศูนย์บริหารการแจ้งความก็จะประสานไปยังธนาคารที่ร่วมมือกันสั่งระงับบัญชีดังกล่าวได้ทันทีภายใน 3 ชั่วโมง หลังจากนั้น 15 วันจะทำการระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ยิ่งประชาชนแจ้งความเร็วเท่าไหร่ก็จะสามารถระงับบัญชีได้เร็วเท่านั้นเพราะไม่เช่นนั้นเงินที่โอนไปจะถูกโอนออกต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งตั้งแต่เปิดศูนย์ดังกล่าวมาสามารถที่จะระงับบัญชีและเรียกเงินคืนมาได้แล้วกว่า 14 ล้านบาท
ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ กล่าวอีกว่า นอกจากจะดำเนินการป้องการแก๊งคอลเซนเตอร์และระงับการโอนเงินอย่างจริงจังแล้ว หลังจากนี้จะมีมาตรการในการจัดการบัญชีม้า หรือ ผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีแทน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงซิมม้า หรือ ผู้ที่ลงทะเบียนซิมการ์ดเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปหาผลประโยชน์ในทางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งในอนาคตอาจมีมาตรการหรือกฎหมายเข้ามาเข้มงวดมากขึ้น เช่น ประชาชน 1 คน สามารถลงทะเบียนซิมการ์ดได้เพียง 5 ซิมเท่านั้น