จากกรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ นายพิชิต กลีบจินดา หรือ "เสี่ยต้น" ซีอีโอธุรกิจสอนนวดแผนไทย ที่บ้านภรรยาใน จ.มหาสารคาม เมื่อกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเปิดโลงออกมาในวันเผาศพ พบสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ ก่อนที่ต่อมาครอบครัวของผู้เสียชีวิตออกมาร้องเรียนต่อ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ สงสัยว่าผู้เสียชีวิตอาจถูกฆาตกรรมนั้น
ล่าสุด 3 มิ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของครอบครัว "น.ส.วรรณิภา" หรือ "มด" ภรรยาเสี่ยต้น พบบรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเด็ก ๆ อยู่
จากการสังเกต พบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ภายในบ้าน และให้ข้อมูลว่า ยายหรือแม่ของ น.ส.วรรณิภา ไม่อยู่ ออกไปข้างนอก โดยคาดว่าจะไปเกี่ยวหญ้าให้วัว และน่าจะกลับมาในช่วงเย็น
ต่อมา ผู้สื่อข่าวสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า ที่ดินตรงนี้เป็นของครอบครัวน.ส.วรรณิภา ที่ต่อมาทั้งเสี่ยต้นและน.ส.วรรณิภา มาสร้างบ้านหลังนี้เมื่อหลายปีก่อน โดยมีแม่ของนางมดเป็นผู้พักอาศัยอยู่ ส่วนสองสามีภรรยาเมื่อเดินทางมาที่จ.มหาสารคาม เยี่ยมแม่ ก็จะพักที่นี่
ยกเว้นวันเกิดเหตุ ที่เสี่ยต้นไม่ได้เข้าบ้าน และจะออกไปนอนที่รีสอร์ท แต่ด้วยความเมาและมืดแล้วไม่มีรถไป จึงนอนที่กระท่อมหน้าบ้านก่อนพบเป็นศพในวันรุ่งขึ้น ซึ่งช่วงนั้นอากาศร้อนมาก และผู้ตายดื่มสุราก่อนนอนหลับ จึงคิดว่าอาจเป็นการไหลตายได้
ซึ่งบ้านหลังนี้ บริเวณหน้าบ้านเดิมมีกระท่อมไม้ไผ่ตั้งไว้สำหรับนั่งเล่น และเมื่อเสี่ยต้นมาเสียชีวิตบริเวณนั้น ก็ได้ยกกระท่อมไม้ไผ่ออกไปแล้ว
ด้านนายแสวง อายุ 73 ปี สัปเหร่อวัดดงเมืองน้อย ต.ดงเมือง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเป็นสัปเหร่อมา 4 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยเจอศพที่มีสภาพแบบนี้ สภาพศพดำ เขียวคล้ำ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ปกติหากเสียชีวิตมา 2-3 วัน สภาพศพจะไม่ดำคล้ำแบบนี้ ตอนเปิดโลงมาก็ตกใจ ใบหน้าบวมคล้ำ ทำพิธีขอขมากรรมตามบทสวด จากนั้นก็ล้างหน้าศพ ให้ญาติมาล้างหน้าศพ ก่อนจะราดน้ำมันแล้วนำเข้าเตาเผา
ทั้งนี้ หลังจากการเสียชีวิตของเสี่ยต้นเป็นกระแสขึ้น ทางตำรวจได้เรียกตัวเข้าไปสอบถาม 2 รอบ โดยตนให้การว่าสภาพศพที่ผิดสังเกตคือ บริเวณใบหน้าที่เขียวคล้ำ จนเกือบดำจนผิดปกติ และบวม มีกลิ่น ซึ่งตนไม่กล้าทำอะไรเพิ่มเติมนอกจากจัดการร่างตามขั้นตอนปกติอย่างเร่งด่วน
ส่วนวันที่มาเก็บกระดูกหลังงานฌาปนกิจศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าภาพและญาติก็มาเก็บอัฐิวันต่อมาเลย ซึ่งก็สังเกตเห็นว่ากระดูกมีสีดำ ก็รู้สึกประหลาดใจเพราะทำงานนี้มาหลายปี ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
นายแสวง กล่าวต่อว่า ปกติคนที่กินเหล้าเสียชีวิต หรือการตายเพราะช็อกหรือไหลตาย จะมีสภาพร่างกายบวมขึ้นบ้างแต่สภาพผิวหนังก็ยังเป็นสีเนื้อ บริเวณร่างกายหรือใบหน้าไม่เขียวคล้ำจนดำ และส่งกลิ่นรุนแรงแบบนี้ ซึ่งตนได้ยินว่ามีผู้เห็นศพเสี่ยต้นก่อนเผาแล้วตกใจจนต้องถามว่าทำไมสภาพศพจึงผิดปกติแบบนี้ ซึ่งตนก็ไม่ได้พูดอะไร และทำหน้าที่ของตนให้เสร็จ
ส่วนกรณีที่มีคนคาดเดาว่า อาจมีการใช้ "รากไหลแดง" ซึ่งเป็นรากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่ชาวบ้านจะเอารากมาทุบผสมกับน้ำผงซักฟอก เอาไว้เป็นยาเบื่อปลา ให้ปลาช็อก ตามัวหรือว่ายน้ำช้า เพื่อจะได้จับได้ง่ายนั้น ตนไม่ทราบว่าใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งทุกวันนี้เขาไม่ให้ปลูกกันเลย และไม่ได้นำมาใช้หลายปีแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.วัชรินทร์ สัตยาคุณ ผกก.สภ.ยางสีสุราช กล่าวว่า ในส่วนของทางคดีการเสียชีวิตจองเสี่ยต้นที่มหาสารคาม ได้ประสานกับทาง สน.วังทองหลางมาโดยตลอดร่วม 3 สัปดาห์แล้ว มีปัจจัยหลายอย่างเชื่อมโยงกันอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีสอบพยานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรอเชื่อมโยงในทางคดีต่อไป