ส่องความสำเร็จโรงเรียนห่างไกล ที่มีความมั่นคงทางอาหารที่สุดแห่งหนึ่งของไทย 


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“โรงเรียนบ้านวนาหลวง” โรงเรียนแห่งความมั่นคงทางอาหาร สำเร็จได้ด้วยความร่วมมือระหว่างครู-ลูกศิษย์ที่น่ารัก

กิจวัตรประจำวันของนักเรียนประจำในพื้นที่ห่างไกลอย่าง อรพิน เลิศสินชัยสกุล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านวนาหลวง อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า หลังปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว 

อรพิน จะไปยังโรงครัวของโรงเรียนเพื่อเตรียมทำอาหารเช้าสำหรับตัวเองรวมทั้งรุ่นน้องและเพื่อนๆ อีกราว 70 คนไว้รับประทาน เมนูวันนี้คือ “ผัดผักบุ้งไฟแดง” กับข้าวสวยร้อนๆ อิ่มท้องแล้วก็เตรียมพร้อมเข้าแถวเคารพธงชาติและเริ่มเรียนหนังสือได้

“อาหารมื้อเช้าสำคัญที่สุดค่ะ พวกหนูคงเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องถ้าท้องยังหิว สำหรับเพื่อนที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะ อาจจะไม่คิดอะไร แต่สำหรับคนที่มีเงินไม่มาก โครงการอาหารโรงเรียนแบบนี้มีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะพืชผักสวนครัวที่เราปลูกเอง สด สะอาดปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้องกังวลว่าจะมียาฆ่าแมลง” ด.ญ.อรพินกล่าว

ส่วนประกอบที่เด็กๆ โรงเรียนบ้านวนาหลวงนำมาทำเป็นอาหารเช้า เป็นผลผลิตที่ได้จากโครงการสวนเกษตรอินทรีย์ สนับสนุนโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(เอฟเอโอ) พืชผักอินทรีย์ปลอดสารเหล่านี้ ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับอนาคตของชาติ ที่กำลังศึกษาอยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกล อย่าง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนิน “โครงการอาหารกลางวัน” เพื่อให้นักเรียนระดับประถมศึกษา รู้จักวิธีการผลิตอาหารและการบริโภคอาหาร อย่างถูกหลักอนามัยและถูกสุขนิสัยที่ดีผ่านการปฏิบัติจริง ทำให้ทุกคนได้กินอาหารกลางวันที่เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้โรงเรียน สามารถบริหารจัดอาหารกลางวันได้เองอย่างยั่งยืน

ด้วยสภาพภูมิประเทศ จ.แม่ฮ่องสอน ที่เป็นเทือกเขาสูง และการคมนาคมขนส่งที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางไปกลับ ทำให้นักเรียนจำนวนหนึ่งต้องอาศัยอยู่ที่โรงเรียนตลอดภาคการศึกษา โรงเรียนบ้านวนาหลวงแห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน ในแต่ภาคการศึกษาจะมีนักเรียนเกือบ 1 ใน 3 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวชนเผ่าอยู่อาศัยที่โรงเรียน ซึ่งรวมถึง น้องอรพิน ด้วย

ดังนั้น หากอาศัยเพียงงบประมาณอาหารกลางวันจากภาครัฐ เฉลี่ย 20 บาทต่อคนต่อวัน จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคอาหารโดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน 

กัญญา สมบูรณ์ ครูใหญ่ประจำโรงเรียนบ้านวนาหลวง พยามมองหาโอกาสเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร ให้กับนักเรียนและคุณครูผู้สอนของโรงเรียน และมีแนวคิดทดลองทำโครงการสวนเกษตรสวนผสมที่โรงเรียน ซึ่งต่อมาโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากเอฟเอโอ ภายใต้นโยบายความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการของเด็กและเยาวชน

“เมื่อเราได้ปลูกผักปลอดสารพิษ นั่นก็หมายความว่าเราได้สร้างโอกาส ความมั่นคงทางอาหารและความหวัง ในการเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจที่มั่นคงให้กับเด็กๆ ด้วยเช่นกัน” ครูกัญญา กล่าว

เมื่อได้รับทุนสนับสนับโครงการในปี 2556 ครูกัญญา จึงเริ่มลงมือทำสวนผักปลอดสารพิษทันที โดยสลับหมุนเวียนปลูกผักหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักชี ต้นหอม พื้นที่ 13 ไร่ของโรงเรียนที่เคยปล่อยทิ้งร้างไว้ ถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับนักเรียน และครูที่พักอาศัยประจำที่โรงเรียน

การปรับเปลี่ยนพื้นที่รกร้างเป็นแปลงเพาะปลูกพืชผักสวนครัว นอกจากจะทำให้เด็กๆ ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ไปจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้มีโอกาสบริโภคอาหารที่ดีและมีประโยชน์แล้ว ยังทำให้พวกเขาได้เป็นเจ้าของสวนผักเหล่านี้ร่วมกันด้วย โดยทางโรงเรียนจะมีตารางกิจกรรมหลังเวลาเรียนภาคบ่าย ให้นักเรียนเข้ามาช่วยดูแลแปลงผักซึ่งเป็นอาหารของพวกเขาด้วย

“งานสวนงานไร่ ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องคอยรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ตรงจุดด้วย” ครูกัญญา เล่าถึงช่วงแรกที่ทำสวนผัก สามารถปลูกได้แค่เฉพาะช่วงหน้าฝนเท่านั้น พอหน้าแล้งก็ต้องปล่อยที่ให้ว่างเปล่าประโยชน์ เพราะไม่มีน้ำใช้เพียงพอ โรงเรียนก็จำเป็นต้องจัดการงบที่มีอยู่จำกัด มาใช้เพื่อไปซื้ออาหารก่อนเพราะเป็นปัจจัยเฉพาะหน้าที่สำคัญ

จากนั้นจึงเริ่มคิดหาทางปรับปรุงระบบน้ำ ให้สามารถปลูกผักได้ตลอดปี ทำให้มีผักสดและสะอาดไว้สำหรับประกอบอาหาร ให้กับเด็กๆ ได้รับประทานทั้งสามมื้อ เมื่อปัญหาจากขาดแคลนน้ำหมดไป ทำให้ผักงอกงามดี แต่กลับเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น เนื่องจากวัวของ เพื่อนบ้านในชุมชน บุกรุกเข้ามากินผักสวนครัวที่ปลูกไว้ ไร่สวนผสมได้รับความเสียหายมาก ต้องรีบจัดการทำรั้วกันแทบไม่ทัน

จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ ครูกัญญาและครูท่านอื่นๆ มาถกประเด็นร่วมกันว่าจะทำอย่างไร ให้โรงเรียนบ้านวนาหลวงมีความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน ในที่สุดได้คำตอบว่าการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แบบยกพื้นน่าจะเป็นคำตอบเรื่องความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืนและลงตัวที่สุด

หลังการประกาศใช้นโยบายให้โรงเรียนเลิกเรียนเวลาบ่ายสองโมง โรงเรียนบ้านวนาหลวงจึงมีกิจกรรมปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ นอกจากเด็กๆ จะได้เรียนรู้นอกห้องเรียนแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสทางอาชีพ ความมั่นคงทางอาหารและรายได้ไปพร้อมๆ กัน

“นักเรียนลองหยิบต้นกล้าเหล่านี้ขึ้นมา และเช็คและสังเกตดูว่ารากซีดหรือไม่ หยิบด้วยความระมัดระวังและเบามือที่สุด สิ่งที่นักเรียนควรได้เรียนรู้คือต้นกล้าผักเราเหล่านี้ราคา 15 บาท ถ้าเราดูแลดีต้นผักเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นกิโลละ 150 บาทภายในเวลาไม่กี่เดือน”

ครูรัตนากร แก้วน้อย ผู้ดูแลโครงการผักไฮโดรโปนิกส์กำลังสอนวิธีการดูแล และตรวจสอบสภาพผักระหว่างชั่วโมงกิจกรรมนอกห้องเรียนภาคบ่าย เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค ไอซ์เบิร์ก สลัดแก้ว สีสันสดใสสวยงามเหล่านี้สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับมื้ออาหารกลางวัน ของนักเรียนบ้านวนาหลวง

นอกจากนี้ ผลผลิตส่วนหนึ่งจะมีพ่อค้าจากตัวเมือง มารับซื้อถึงโรงเรียนในราคากิโลกรัมละ 150 บาท แต่ละครั้งจะขายได้ราว 10 กิโลกรัมทีเดียว

โรงเรียนบ้านวนาหลวงไม่ได้มีแค่สวนผักเท่านั้น พื้นที่ทุกตารางนิ้วได้รับการปรับใช้อย่างเป็นประโยชน์ เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

ด้านหลังโรงเรียนยังมีเล้าไก่ และคอกหมู เพื่อนักเรียนจะได้มีไก่และเนื้อสัตว์ไว้บริโภคและสารอาหารครบ 5 หมู่ ทั้งสามมื้อ รายได้จากการขายผักสลัด ไข่ไก่และเนื้อสัตว์ ทางสหกรณ์โรงเรียนจะนำมาบริหารจัดการ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับซื้อเมล็ดพันธุ์ผักไฮโดรโปนิกส์ และสำหรับทำกิจกรรมอื่นๆ ของโรงเรียนต่อไป

ปัจจุบันไร่สวนผสมที่โรงเรียนบ้านวนาหลวง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผักไฮโดรโปนิกส์ และไก่ไข่ออร์แกนิคอุดมสมบูรณ์ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วม ในการทำงานของคุณครูและนักเรียนอย่างอบอุ่น ทำให้โรงเรียนมีรายได้หมุนเวียนเพียงพอต่อการดูแลทั้งด้านการเรียนและโภชนาการของเด็กนักเรียนและคุณครู รวมกว่า 300 ชีวิตอย่างยั่งยืนตลอดสามปีที่ผ่านมา

ครูกัญญา ยังได้นำเงินรางวัลที่ตนเองได้รับ จากรางวัลยอดครูผู้มีอุดมการณ์ ตามโครงการตามรอยเกียรติครูผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู ปี 2558 จำนวน 3 แสนบาท มาปลูกต้นกาแฟในบริเวณโรงเรียน เพื่อให้เป็นกิจกรรมเสริมฝึกฝนทักษะอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับนักเรียนต่อไป คาดว่าอีกสองปีข้างหน้าจะมีผลผลิตจากกาแฟออกจำหน่ายและใช้รับรองแขกที่มาเยี่ยมโรงเรียน

ครูกัญญา กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า ได้รับแรงบันดาลใจในการทำโครงการเกษตรสวนผสมในโรงเรียน จากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“เศรษฐกิจพอเพียงเริ่มที่ตัวเราค่ะ เพียงแต่เราต้องรู้จักนำปรัชญาของพระองค์ มาประยุกต์และปฏิบัติใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เมื่อลงมือทำและอดทนเราจะเห็นผลด้วยตัวเอง ว่าปรัชญาของพระองค์ทำได้จริง ช่วยสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับโรงเรียนและชุมชนรอบข้างอย่างยั่งยืน ตามที่พระองค์สอนพวกเราทุกคนค่ะ” ครูกัญญา กล่าวทิ้งท้าย 

TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ