เปิด 5 จุดเช็กอินใน “ย่างกุ้ง” มหานครแห่งศรัทธาที่ประทับของสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง พร้อมแนะนำสถานที่ช้อบปิ้งของที่ระลึก และอาหารท้องถิ่นรสเด็ด
เมื่อพูดถึง “เมียนมา” หลายคนอาจนึกถึงเมืองที่กำลังเผชิญกับวิกฤติทางการเมือง ที่มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และพลเมืองเป็นครั้งคราว หรือเมืองที่ถนนหนทางค่อนข้างลำบาก และมีระบบสาธารณสุขที่ยังล้าหลัง
แต่เมื่อทีมนิวมีเดียพีพีทีวีได้ออกไปสัมผัสบรรยากาศ หลังกระทรวงแรงงานตรวจคนเข้าเมืองและประชากรของเมียนมาออกมาตรการ “ฟรีวีซ่า” (Visa-free) เปิดให้ 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงไทยด้วย ที่จะเดินทางเข้ามาอยู่อาศัยไม่เกิน 14 วัน เข้าประเทศได้ โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าเหมือนในอดีต
นกแอร์เพิ่มรูทบินไปย่างกุ้ง รับเมียนมาเปิดเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
เที่ยว “วังเวียง” กุ้ยหลินเมืองลาว สัมผัสเสน่ห์ขุนเขา-สายน้ำ-ผู้คน
สำหรับบรรยากาศภายในประเทศเมียนมา หลังเกิดรัฐประหารกว่า 1 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งป้อมของทหารและตำรวจเอาไว้ทั่วประเทศ เพื่อเอาไว้ตรวจตราความสงบเรียบร้อยของแต่ละพื้นที่
แต่ภายในเมืองใหญ่ ๆ ขณะนี้ อย่างย่างกุ้งและหงสาวดีไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนยังมีให้พบเห็นบ้างบริเวณแนวชายแดน ซึ่งอยู่ห่างไกลจากบริเวณแหล่งท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ เพียงแต่หากจะเก็บภาพถ่าย แนะนำว่าห้ามถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอติดป้อมต่าง ๆ หรือเจ้าหน้าที่ทหาร/ตำรวจเด็ดขาด เพราะอาจถูกขอให้ลบรูป และระหว่างเดินทางอยู่บนรถบางครั้งอาจถูกตรวจเช็กพาสปอร์ตได้ ส่วนเคอร์ฟิวก็ยังมีอยู่คือช่วงเวลา 00.00-04.00 น.
ขณะเดียวกันแม้การท่องเที่ยวของเมียนมาจะต้องหยุดชะงักไปเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เมียนมาก็ใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ในการปรับปรุงเมืองขึ้นมาใหม่ จนได้เห็นภาพถนนยางมะตอยเรียบยาวไปตลอดเส้นทาง รวมถึงมีการบูรณะศาสนสถานที่สำคัญหลายแห่งให้สวยงามอยู่ตลอด เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าท่องเที่ยวไม่น้อยในปัจจุบัน
"เมียนมา" แหล่งวัฒนธรรม-ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
เมียนมาเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา โดยจะนับถือพระพุทธเจ้าสูงสุด และจะมีเพียงมหาเทพองค์เดียวของศาสนาพราหมณ์ฮินดู คือ พระพรหมเท่านั้น ที่จะให้ความเคารพนับถือ
แน่นอนว่าด้วยความศรัทธาในศาสนาพุทธอันแรงกล้าของชาวเมียนมา ยิ่งทำให้ “ย่างกุ้ง” เมืองที่มีศาสนสถานอย่าง “พระมหาเจดีย์ชเวดากอง” ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญและเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนเมียนมาร์ทั้งประเทศ ยิ่งดูมีมนต์ขลัง
“ย่างกุ้ง” นับเป็นอีกหนึ่งเมืองในเมียนมาที่น่าท่องเที่ยว เพราะไม่เพียงแต่เดินทางสะดวก ใช้เวลานั่งอยู่บนเครื่องบินจากประเทศไทยเพียงหนึ่งชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นก็ถึงแล้ว แถมภายในเมืองยังสามารถใช้แอปพลิเคชันเรียกรถอย่างแกร็บ (Grab) และอูเบอร์ (Uber) หรือนั่งรถสาธารณะ เพื่อเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสบายๆ ยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล สอดส่องอยู่ตลอดเวลา แม้จะดูน่ากังวลบ้าง แต่หากเราเพียงเก็บภาพเหมือนอย่างนักท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดแผกแปลกไปมากนัก เจ้าหน้าที่จะทำแค่เฝ้ามองหรือเข้ามาสอบถามเท่านั้น
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง“ชเวดากอง” พระเจดีย์คู่เมืองเมียนมา จุดอธิษฐานบุเรงนองจนได้รับชัยชนะสิบทิศ
จุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาด หากไม่ได้ไปเหมือนมาไม่ถึงย่างกุ้ง แน่นอนว่า คือ “พระมหาเจดีย์ชเวดากอง” แม้บรรยากาศภายหลังรัฐประหารจะมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดทาง แต่ชาวเมียนมารวมถึงนักท่องเที่ยวก็ยังคงเดินทางมากราบไหว้สักการะบูชากันอย่างเนืองแน่น
สำหรับ “ชเวดากอง” เป็นพระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองของประเทศเมียนมาที่มีอายุมากกว่า 2,500 ปี ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุพระเกศาและเครื่องอัฐบริขารของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต
ไฮไลต์ของพระมหาเจดีย์คือลานอธิษฐาน ที่บุเรงนองจะมาขอพรทุกครั้งก่อนออกรบ ซึ่งเป็นจุดที่ทางโหราศาสตร์บอกว่าเป็นจุดที่ดวงดาวทั้ง 8 โคจรมาบรรจบกัน ส่งเสริมบารมีและความเป็นสิริมงคล จนไม่ว่าจะรบครั้งไหนก็ได้รับชัยชนะมาโดยตลอดและได้รับฉายาว่า “ผู้ชนะสิบทิศ”
หน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์
นอกจากนี้ยังมีหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นเดียวกับที่เจ้าชายสิทธัตถะนั่งบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ ผู้คนจำนวนมากจึงนิยมเดินทางมาที่นี่เพื่อกราบไหว้ และสรงน้ำองค์ปฏิมาประจำวันเกิด เพราะเชื่อกันว่าจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ข้อแนะนำสำหรับการกราบไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากอง อย่าลืมว่าห้ามถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอที่ติดภาพเจ้าหน้าที่เด็ดขาด ส่วนข้อห้ามที่เหลือจะเป็นเรื่องการแต่งกาย ห้ามผู้ชายและผู้หญิงนุ่งกางเกงหรือกระโปรงสั้น ห้ามสวมรองเท้าและถุงน่องทุกชนิด
เมื่อเดินทางเข้ามาถึงทางเข้า ให้เดินตามเข็มนาฬิกา โดยไปไหว้พระประธานที่วิหารโถงทิศใดทิศหนึ่งก่อน จากนั้นไปไหว้พระประจำวันเกิด จุดธูปเทียน ถวายดอกไม้ แล้วสรงน้ำพระปฏิมาตามกำลังวัน คือ วันอาทิตย์ 6 ครั้ง, วันจันทร์ 15 ครั้ง, วันพุธกลางวัน 17 ครั้ง, วันพุธกลางคืน 12 ครั้ง, วันพฤหัสบดี 19 ครั้ง, วันศุกร์ 21 ครั้ง และวันเสาร์ 10 ครั้ง จากนั้นเดินวนขวารอบพระมหาเจดีย์ 1 รอบพร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอพร
และหากใครมีจิตศรัทธาอยากบริจาคปัจจัยเพื่อทำนุบำรุงองค์พระเจดีย์ หรือเพื่อเปิดไฟพระมหาเจดีย์ยามค่ำคืน ก็สามารถบริจาคได้ศูนย์รับบริจาคเงิน
พระประจำวันเกิด
“เทพทันใจ-เทพกระซิบ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้โชคและความสำเร็จ
อีกสถานที่ที่ชาวไทยนิยมไปกราบไหว้กันมากคือ “เจดีย์โบตะตาว” ศาสนสถานแห่งนี้มีคนบางตากว่าพระมหาเจดีย์ชเวดากอง แต่ก็ยังมีผู้คนเดินทางเข้ามาภายในเจดีย์อยู่เรื่อย ๆ
มองออกไปรอบองค์เจดีย์ยังคงเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารยืนประจำการอย่างเด่นชัด ระหว่างถ่ายภาพเขาอาจเดินเข้ามาสังเกตการณ์ใกล้ ๆ บ้าง แต่กรณีที่ถ่ายคลิปวิดีโอนาน ๆ อาจถูกสอบถามว่าถ่ายไปทำอะไร โดยเจ้าหน้าที่อธิบายให้ไกด์ของทีมนิวมีเดียพีพีทีวีฟังว่า ที่เขาต้องถามเพราะแค่สงสัยเท่านั้น เนื่องจากเมียนมาไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามานานมากกว่า 2 ปีแล้ว
สำหรับ “โบตะตาว” เป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัยที่สวยงามที่สุด และจุดเด่นที่ทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คือ “รูปปั้นเทพทันใจ” หรือ “นัตโบโบยี” ผู้คุ้มครองเจดีย์โบตะตาว ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าหากอธิษฐานขอพรสิ่งใดแล้วจะได้ตามขอสมปรารถนารวดเร็วทันใจ
สำหรับวิธีสักการะเทพทันใจนั้น แนะนำให้สักการะด้วยมะพร้าว กล้วย ใบชนะ ผ้าคล้องคอ ร่มฉัตรกระดาษ ดอกไม้ และธนบัตรพับเป็นกรวยแหลม 2 ใบ จากนั้นให้กล่าวคำบูชาตามเจ้าหน้าที่ในศาสนสถาน เมื่อกล่าวเสร็จแล้วให้นำธนบัตร 2 ใบสอดเข้าไปในมือของเทพทันใจ ต่อมาให้อธิษฐานขอพร 1 ข้อ แล้วนำผ้าคล้องคอองค์เทพ และดึงธนบัตรออกมา ใบแรกให้นำไปบริจาค ส่วนอีกใบให้เก็บไว้เป็นเงินขวัญถุง สุดท้ายแล้วให้ตีฆ้องอีก 3 ครั้ง
ส่วนสาเหตุที่ต้องอธิษฐานขอพรเพียงข้อเดียวนั้น เพราะเชื่อกันว่าขอพรเพียงข้อเดียวถึงจะสัมฤทธิ์ผล
เจดีย์โบตะตาว
เทพทันใจห่างออกมาไม่ไกล บริเวณฝั่งตรงข้ามของเจดีย์โบตะตาว เราจะเห็นที่ประทับของ “เทพกระซิบ” หรือ “เมี๊ยะนานหน่วย” ซึ่งเป็นธิดาของพญานาคที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนามาก รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์ จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต หรือเทพที่ชาวเมียนมาเคารพนับถือจนสร้างรูปปั้นของท่านขึ้นมาเพื่อเคารพบูชา เชื่อกันว่าถ้ากระซิบขออะไรแล้วจะสมหวัง
สถานที่แห่งนี้มีทั้งชาวเมียนมาและชาวไทยแวะเวียนเข้ามากราบไหว้อยู่ตลอด จนต้องรอต่อคิวเพื่อเข้าไปขอพร ส่วนเจ้าหน้าที่ในบริเวณนี้นั้น ไม่มีใครประจำการอยู่ มีเพียงมัคนายกที่คอยนำสวดมนต์และขอพรเท่านั้น
ส่วนวิธีการขอพรจากเทพกระซิบ แนะนำให้บูชาด้วยน้ำหวาน ข้าวตอก และผลไม้ เมื่อกล่าวคำบูชาตามมัคนายกเสร็จ ให้กระซิบเพื่อขอพรท่าน ซึ่งเทพกระซิบนั้นถือได้ว่าเป็นเทพที่ให้แต่พรและความโชคดีแก่ทุก ๆ คนที่มาขอพร
เทพกระซิบซื้อของฝากท้องถิ่นที่ “ตลาดสก็อต” ชมความหรูหราห้างเปิดใหม่ “Junction City”
เที่ยวพระมหาเจดีย์กันจนอิ่มใจแล้ว ใครที่อยากจะหาซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปฝากครอบครัวและเพื่อน ๆ แนะนำให้มาซื้อที่ “ตลาดสก็อต” หรือ “ห้างสรรพสินค้า Junction City” ได้
ตลาดสก็อต เป็นแหล่งที่เราสามารถไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของชาวเมียนมาแท้ ๆ ได้ นักท่องเที่ยวจึงมักนิยมไปหาซื้อผ้าซิ่น สโร่ง หินหยก กำไลหยก หรือสมุนไพรบำรุงผิวหน้าอย่าง “ทานาคา” ซึ่งมีให้เลือกซื้อได้หลายราคา
อย่างไรก็ตามหลังตลาดต้องปิดไปช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา และกลับมาเปิดอีกครั้ง หลังสถานการณ์ของโรคเริ่มคลี่คลายลง แต่จำนวนนักท่องเที่ยวยังคงกลับเข้ามาภายในประเทศน้อยมาก หลายร้านจึงต้องปิดตัวไป มีเพียงแผงค้าขาย 20% เท่านั้นที่ยังเปิดอยู่
ตลาดสก็อต ตลาดสก็อตส่วนห้างสรรพสินค้า Junction City ห้างเปิดใหม่ที่สุดของเมืองย่างกุ้ง ที่ยกร้านค้าแบรนด์ต่าง ๆ จากทั่วโลกมากมายที่เราคุ้นเคยมารวมไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Lacoste, PANDORA, COACH หรือร้านอาหารอย่าง Bonchon, KFC และ Swensen’s เป็นต้น รวมถึงมีโรงภาพยนตร์ ศูนย์อาหาร และ ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Market Place
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย โดยเฉพาะชาวเมียนมากลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นที่มาเดินเลือกซื้อเสื้อผ้า ซื้อของใช้ภายในบ้าน มาดูหนัง หรือมากินอาหารกับกลุ่มเพื่อนกัน
แม้สถานที่ทั้ง 2 แห่ง จะเป็นอีกที่ที่มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจประจำการอยู่ เพราะเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ การถ่ายภาพและการถ่ายคลิปวิดีโอจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ การถ่ายภาพนิ่งอาจไม่เท่าไร แต่ถ้าถ่ายคลิปวิดีโอยาว ๆ อาจเป็นที่จับตามองให้เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาถามว่าที่ถ่ายไปจะนำไปทำอะไรได้
ห้างสรรพสินค้า Junction City
ห้างสรรพสินค้า Junction City“ก๋วยเตี๋ยวฉาน” เมนูเส้นขึ้นชื่อของเมียนมา
สำหรับอาหารท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาด เมื่อไปเยือนเมียนมาแล้ว สิ่งแรกที่ต้องไปกินกัน คือ “ก๋วยเตี๋ยวฉาน” เป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งที่ใส่น้ำซุปใสให้พอขลุกขลิก ด้านบนมีไก่หรือหมูและอาจใส่ไข่เพิ่มได้ พร้อมโรยหน้าด้วยน้ำมันกระเทียม
เมื่อคลุกเคล้ากันแล้วสัมผัสแรกที่เข้าปากคือมีรสชาติค่อนไปทางจืดและมัน แต่เคี้ยวไปนาน ๆ ก็กลมกล่อมอย่างลงตัว กินเยอะ ๆ อาจทำให้เลี่ยนบ้าง แต่ถ้าได้ใส่มะนาวที่มีรสเปรี้ยวเข้าไปตัดแล้ว ยิ่งทำให้อาหารอร่อยขึ้นไปอีก
จึงไม่แปลกเลยที่ก๋วยเตี๋ยวฉานจะเป็นเมนูที่ชาวเมียนมาชื่นชอบและทานตลอดทั้งวัน จนยกให้เป็นอาหารประจำชาติเมียนมา
“ย่างกุ้ง” ไม่เพียงแต่จะเป็นเมืองที่โดดเด่นไปด้วยศาสนสถานที่สำคัญมากมาย แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีริมแม่น้ำที่สวยงาม สามารถล่องเรือทานอาหารมื้อค่ำชมไปพร้อมกับชมทิวทัศน์ของแม่น้ำได้ หรือสามารถมาทำกิจกรรมอย่างปีนหน้าผา หรือตีกอล์ฟก็ได้เหมือนกัน ซึ่งความสวยงามไม่แพ้ที่เที่ยวอื่น ๆ เลย แถมยังมีอาหารและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ชวนให้หลงใหลและหวนให้คิดถึงอยากกลับไปท่องเที่ยวอีกครั้ง
ที่สำคัญยังเดินทางได้สะดวกและใช้เวลาไม่นาน เพียงนั่งเครื่องบินประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นก็ถึงแล้ว ซึ่งล่าสุดสายการบินนกแอร์ได้เพิ่มเที่ยวบินไปเมืองย่างกุ้งเป็น 9 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ด้วย นับว่าช่วยเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจได้เป็นอย่างดี
แต่สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวอาจจะเจออยู่บ้างคือ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารของเขา อาจขอตรวจสอบพาสปอร์ต หรือสอบถามว่ามาทำอะไร และจะถ่ายคลิปวิดีโอไปทำอะไร และจำเป็นต้องรีบกลับที่พักอีกด้วย เพราะเที่ยงคืนก็เป็นช่วงเวลาเคอร์ฟิวแล้ว
ก๋วยเตี๋ยวฉาน
ก๋วยเตี๋ยวฉาน