รวม 10 จุดกางเต็นท์ของสายแคมป์ปิ้ง ให้ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพลิดเพลินใจให้คลายเหนื่อยล้ารับหน้าฝน
เอาใจสายรักธรรมชาติ กิจกรรมหนึ่งที่เหล่านักผจญภัยโปรดปรานคงหนีไม่พ้นกับการได้ไป “กางเต็นท์แคมป์ปิ้ง” โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ที่เราสามารถออกไปสัมผัสทุ่งหญ้าเขียวขจี และผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้มากกว่าฤดูอื่นๆ
ส่วนใครที่กำลังเหนื่อยล้า การท่องเที่ยวในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ มีข้อมูลรายว่าสามารถทำให้เราสบายใจ ลดความเหนื่อยล้าหรือความเครียดได้ด้วย ดังนั้นใครที่เคยคิดว่าการท่องเที่ยวในหน้าฝนอาจเป็นอุปสรรค แต่ที่จริงแล้วอาจดีมากกว่าที่คิด
แต่จะมีสถานที่ท่องเที่ยวไหนบ้าง ที่จะมีจุดกางเต็นท์ให้เราได้ไปออกทริปแคมป์ปิ้งกัน เราได้คัดมาให้แล้ว มาเช็กกันเลย!
1.) โป่งน้ำร้อนท่าปาย อุทยานห้วยน้ำดัง
โป่งน้ำร้อนท่าปาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน ที่ตั้งอยู่ในอุทยานห้วยน้ำดัง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่นี่เป็นจุดที่อุทยานฯ อนุญาตให้ตั้งเต็นท์พักแรมได้
บริเวณนี้เต็มไปด้วยบ่อน้ำร้อนผุดอยู่หลายจุด ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงไปอาบน้ำแร่ธรรมชาติได้ โดยมีบ่อใหญ่อยู่ 2 บ่อ บางช่วงเป็นแอ่งกล้างให้ลงไปแช่ตัวอาบน้ำแร่ได้ บางช่วงทำได้เพียงแช่เท้าเท่านั้น
การอาบน้ำร้อนท่าปาย เป็นการอาบน้ำแร่ในบ่อแช่แบบธรรมชาติที่ปราศจากการปรุงแต่ง นักท่องเที่ยวจะได้รับแร่ธาตุแบบธรรมชาติร้อนเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งภายในอุทยานฯ ยังมีร้านสวัสดิการขายไข่ ให้นักท่องเที่ยวลองนำไปต้มกินกันได้ นอกจากจะได้เพลิดเพลินใจกันแล้ว ยังอิ่มท้องด้วย
ทั้งนี้ ในการแช่ตัวแต่ละครั้ง ไม่ควรเกิน 10-15 นาที ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนแช่น้ำร้อน
นอกเหนือจากนั้นบริเวณบ่อน้ำพุร้อนยังถูกโอบล้อมไปด้วยป่าไม้สัก เรียกว่านอกจากจะได้แช่บ่อน้ำพุร้อนบำรุงร่างกาย ผ่อนคลายความเครียดแล้ว แล้วยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์ด้วย
อุทยานห้วยน้ำดัง
2.) น้ำตกขุนแจ อุทยานแห่งชาติขุนแจ
น้ำตกสวยงาม 6 ชั้น ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนแจ จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ปิกนิกและกางเต็นท์ที่ไพรเวทสุดๆ เพราะบรรยากาศที่นี่เงียบสงบมาก เนื่องจากโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ และต้องใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ ซึ่งห่างไกลจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นต้องเดินเท้าต่ออีก 1 ชั่วโมง เพื่อไปยังน้ำตก
น้ำตกแห่งนี้ อุทยานฯ จะเปิดให้เข้าชมได้แค่ 4 ชั้นเท่านั้น และแต่ละชั้นมีความสูงราว ๆ 10-20 เมตร สำหรับคนที่อยากเดินขึ้นไปชมความสวยงามของน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงแล้ว จะต้องเดินป่าและปีนป่ายไปตามแนวน้ำตกที่มีระยะทาง 100-200 เมตร
แม้จะไกล แต่นับว่าคุ้มค่าเหนื่อย เพราะภาพน้ำตกตรงหน้าคือความงามตามธรรมชาติที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้สำหรับใครที่อยากจะเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ยังสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ให้ช่วยนำทางได้อีกด้วย
อุทยานแห่งชาติขุนแจ
3.) วนอุทยานหริรักษ์
อ่างเก็บน้ำสันเขื่อนดิน ที่ตั้งอยู่ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย สภาพพื้นที่โดยรอบเป็นป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ และรายล้อมไปด้วยภูเขาลูกเล็กหลายลูก ด้วยความที่มีลานกว้างให้กางเต็นท์ ในยามค่ำคืนจึงสามารถชมทะเลดาวและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าได้อย่างชัดเจน และหากโชคดี จะพบสายหมอกลอยอ้อยอิ่งเหนือผืนน้ำ สวยงามคล้ายกับอ่างเก็บน้ำปางอุ๋งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่นี่จึงได้รับฉายาว่า “ปางอุ๋งเมืองเลย”
วนอุทยานหริรักษ์
4.) ป่าสนและทุ่งหญ้าสะวันนา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์ มีจุดกางเต็นท์ที่น่าสนใจ คือ บริเวณป่าสนและทุ่งหญ้าสะวันหน้า เป็นป่าสนสองใบ สลับกับป่าดงดิบ และทุ่งหญ้าแบบสะวันหน้า ทำให้เราสามารถพบพรรณไม้สวยงามมากมาย เช่น เอื้องชะนี เอื้องคำปากไก่ ดอกดุสิตา และหม้อข้าวหม้อแกงลิงได้ นอกจากนี้ยังมีแก่งหินขนาดใหญ่ ขนาดยาวหลายร้อยเมตร ซึ่งเป็นสถานที่ค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืดและผีเสื้อนานาพันธุ์ หากได้มากางเต็นท์ที่นี่นอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติแล้ว ยังสามารถเรียนรู้วิถีชีวิตของสัตว์น้อยใหญ่ในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ได้อีก
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
5.) น้ำตกคลองเพรา (น้ำตกทับช้าง) อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว
น้ำตกขนาดใหญ่กลางป่า ที่มีน้ำไหลตลอดปี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวที่เปลี่ยนชื่อมาจากอุทยานแห่งชาติคลองเพรา จังหวัดระนอง น้ำตกแห่งนี้มีอยู่ด้วยกัน 5 ชั้น โดยชั้นที่สามจะเป็นชั้นที่มีสายน้ำทิ้งตัวลงมาในระดับความสูงถึง 36 เมตร นับว่าเป็นภาพหน้าตื่นตาตื่นใจสำหรับเหล่านักพจญภัยมากทีเดียว
อย่างไรก็ตามบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ไม่มีที่พัก ร้านอาหาร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ นอกจากลานกางเต็นท์ หากนักท่องเที่ยวต้องการพักแรมที่นี่ ต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ มาเอง
แจกพิกัด "ที่เที่ยว-ที่กินหน้าฝน" ให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ต้อนรับฤดูมรสุมของไทย
“สกายวอล์ก วัดหงษ์ทอง” สะพานใสเดินลงทะเลแห่งแรกของไทย
อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว
6.) อุทยานแห่งชาติคลองลาน
อุทยานแห่งชาติคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร มีจุดกางเต็นท์ที่น่าชวนสายแคมป์ปิ้งได้ออกมาสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติที่หาได้ยาก คือ “น้ำตกคลองลาน” เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง 100 เมตร ที่มีความสวยงามแบบหาที่ไหนไม่ได้ และที่สำคัญยังมีน้ำตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ถ้าใครได้มาเยือนที่นี่ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกมากมาย เช่น แก่งเกาะร้อย คลองสวนหมาก น้ำตกคลองน้ำไหล น้ำตกเพชรจะขอ รวมไปถึงวิวเขาหัวช้าง ให้ได้ออกเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจกัน
อุทยานแห่งชาติคลองลาน
อุทยานแห่งชาติคลองลาน
7) บ้านกลอเซโล
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหมอกสามฤดู เนื่องจากมีหมอกให้ชมกันตลอดทั้งปี และหนึ่งในที่ชมทะเลหมอของแม่ฮ่องสอนที่สวยงาม แถมยังมีจุดกางเต็นท์ให้นักท่องเที่ยวได้นอนพักค้างแรมกัน คือ “บ้านกลอเซโล”
บ้านกลอเซโล ตั้งอยู่ในอำเภอสบเมย เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวเผ่ากะเหรี่ยง และเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่เห็นภูเขา มีลักษณะเหมือนโอบล้อมทะเลหมอกไว้อยู่ โดยอีกฝั่งคือประเทศเมียนมา จึงเป็นที่มาของชื่อ “ทะเลหมอกสองแผ่นดิน”
บ้านกลอเซโล
บ้านกลอเซโล
8.) ภูชี้เพ้อ
จุดชมวิวแห่งใหม่ ที่ตั้งอยู่ในหน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด ใกล้กับทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในระดับความสูง 1,818 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกที่แผ่กระจายไปทั่วทิวเขาที่สลับซับซ้อน
ถ้าโชคดีมาในช่วงที่ดอกบัวตองบาน จะสามารถมองเห็นวิวของทุ่งดอกบัวตองบนดอยแม่อูคอในอีกมุมหนึ่งที่ไม่เหมือนใครได้ แต่ต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30-45 นาที
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถขับรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ ขึ้นไปยังที่ทำการได้ จะมีบ้านพักและจุดกางเต็นท์บริการให้
ภูชี้เพ้อ
9.) อ่าวท้องหยี
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนครศรีธรรมราชแห่งหนึ่งที่มีสภาพแวดล้อมเป็นธรรมชาติสมบูรณ์มาก เหมาะสำหรับการพักแรมแบบแคมป์ปิ้งหรือกางเต็นท์ อ่าวท้องหยีมีพื้นที่อยู่ในวงล้อมของเขาเพลาและเขากลาง ทำให้ชายหาดสงบเงียบและเป็นส่วนตัว
หากมุ่งหน้าไปให้ถึงใต้สุดของทะเลขนอม จะพบกับอ่าวท้องหยีที่ตั้งอยู่กลางวงล้อมของเขาเพลาและเขากลางพอดี ตัวชายหาดเป็นหาดทราบสลับกับแนวโขดหิน และทางตอนใต้ของอ่าวมีแนวปะการังน้ำตื้น
อ่าวท้องหยี
10.) ชุมชนบ้านถ้ำเสือ โฮมสเตย์
ชุมชนที่ตั้งอยู่ในตำบลแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้สายน้ำเพชรบุรี และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ชุมชนแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ วิถีชีวิตชุมชน รวมถึงกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น กิจกรรมเชิงอนุรักษ์ รักษาผืนป่า ปั้นกระสุนเมล็ดพันธุ์ ฐานการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ในการปลูกป่า นอกจากนี้ ยังมีบริการที่พักโฮมสเตย์และลานกางเต็นท์ ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ชุมชนบ้านถ้ำเสือ
เตรียมตัวก่อนไปแคมป์ปิ้ง รับฤดูฝน
แม้ในหน้าฝนจะมีสิ่งที่ควรระวังคือพายุฝนฟ้าอากาศที่อาจเป็นอุปสรรคในการเดินทางหรือการกางเต็นท์ แต่ยังมีสถานที่แคมป์ปิ้งที่รอให้คุณไปพจญภัยอีก ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จะได้ท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนานเต็มที่ แนะนำว่าให้เตรียมตัวก่อนไปแคมป์ปิ้งดังต่อไปนี้
1.) ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกแคมป์ปิ้ง
2.) ปิดสมาร์ทโฟนหรือวิทยุทันทีเมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง เพื่อป้องกันการเกิดฟ้าผ่า
3.) ไม่กางเต็นท์ใต้ต้นไม้ที่แห้งตายแล้ว เพราะเมื่อฝนตก ต้นไม้อาจหักโค่นลงมาได้
4.) ห้ามกางเต็นท์ขวางกระแสน้ำไหลเด็ดขาด แม้ว่าลำธารจะแห้งไปแล้วก็ตาม เพราะว่าเป็นทางที่น้ำไหลผ่าน หรืออาจโดนดินโคลนถล่มเอาได้
5.) อย่าจุดไฟให้แสงสว่างในเต็นท์นอน เพราะการเผาไหม้ต้องใช้ออกซิเจนนั่นเอง และปล่อยคาบอนไดออกไซด์ออกมาแทน อาจทำให้เราขาดอากาศและเสียชีวิตได้
6.) ตื่นตัว เตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหมั่นสังเกตระดับน้ำและสีของลำธารอยู่เสมอ รวมถึงคอยฟังเสียดังผิดปกติให้ดี
7.) ไม่กางเต็นท์ตรงเนินสูงแบบโล่งๆ เพราะเมื่อเกิดลมพายุมาจะไม่มีตัวผ่อนแรง
8.) ไม่กางเตนท์บริเวณลาดเอียง หรือเป็นเชิงเขา เพราะเมื่อฝนตกหากทำให้เกิดดินสไลด์ได้นั่นเอง
9.) ระวังสัตว์ร้ายตามพื้น ก่อนจะกางเต็นท์ที่ไหนควรสำรวจพื้นที่รอบๆ ก่อนว่ามีสัตว์ร้ายซ่อนตัวอยู่หรือเปล่า อย่าง งู ตะขาบ แมงป่อง รวมถึงยุงด้วย
10.) เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนออกเดินทาง เพราะเมื่อฝนตกขึ้นมาแล้ว จะเกิดความยุ่งยากกว่าปกติ ยิ่งถ้าเราลืมนำอะไรมา อาจทำให้หมดสนุกไปเลย
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ชุมชนบ้านถ้ำเสือ