ผู้ประกันตน ม.33 รับรหัสขอสินเชื่อบ้าน เกินวงเงิน 30,000 ล้านบาทแล้ว!!
ผู้ประกันตน ม.33 รับรหัสเกินวงเงิน 30,000 ล้านบาทแล้ว!! โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ประกันตน อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี 5 ปีแรก
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ธอส. และ สำนักงานประกันสังคม(สปส.) เปิดให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 เข้า “โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ประกันตน” วงเงินให้กู้สูงสุดตามจำนวนเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 2 ล้านบาท/หลักประกัน
ล่าสุด ณ เวลา 11.30 น. ของวันที่ 21 ธันวาคม 2565 (ไม่ถึง 24 ชั่วโมง) หลังเริ่มเปิด มีจำนวนผู้ประกันตนกดรับรหัสแล้วกว่า 15,000 ราย วงเงินสินเชื่อเกินกว่ากรอบวงเงินโครงการ 30,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว
โดยโครงการดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิในการไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดจากสถาบันการเงินอื่น รวมถึงเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับ ธอส. โดยอัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1-5 ปี เท่ากับ 1.99% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ธอส. ยังคงเปิดให้ผู้ประกันตนที่สนใจสามารถขอรับรหัสเข้าร่วมโครงการได้ต่อไป เนื่องจากธนาคารจะปิดโครงการเมื่อมีลูกค้าได้รับ "อนุมัติ" สินเชื่อเต็มกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาทแล้ว โดยปัจจุบันมีผู้ประกันตนมายื่นกู้กับ ธอส. แล้ว 88 ราย
สำหรับ ผู้ประกันตนที่รับรหัสเรียบร้อยแล้ว สามารถนำรหัสดังกล่าว พร้อมหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 (ดาวน์โหลดทางเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม) และเอกสารส่วนตัว / เอกสารแสดงรายได้ / และเอกสารแสดงหลักประกัน(ที่อยู่อาศัยที่จดจำนองกับธนาคาร) มายื่นกู้กับ ธอส. ที่สาขาทั่วประเทศได้เริ่มตั้งแต่วันนี้ (21 ธันวาคม 2565) เป็นต้นไป
ซึ่งผู้ที่ขอรับรหัสจะได้รับการแจ้งเตือนวันที่ให้ติดต่อยื่นกู้ทาง GHB Buddy หรือ ตรวจสอบลำดับการยื่นกู้ได้ที่ www.ghbank.co.th และทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 มกราคม 2567
ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ดำเนินโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนภายในวงเงินจำนวนไม่เกิน 30,000 ล้านบาทนั้น โดยโครงการนี้พี่น้องผู้ใช้แรงงานกู้เงินต้นมา 2 ล้านบาทเท่ากัน แต่ดอกเบี้ยถูกกว่าเหลือเพียง 1.99 % ต่อปี เสียดอกเบี้ยเพียงปีละ 40,000 บาท ทำให้ 5 ปี จะเสียดอกเบี้ยเพียงแค่ 200,000 บาท
ซึ่งโครงการที่ผมคิดขึ้นมานี้จะทำให้ลดดอกเบี้ยจากเดิม 5 ปี 600,000 บาท เหลือเพียง 200,000 บาท โดยลดดอกเบี้ยให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานได้ถึง 400,000 บาทต่อครอบครัว ซึ่งเงินในส่วนนี้จะทำให้ผู้ใช้แรงงานมีเงินเหลือเก็บเข้ากระเป๋าเดือนละกว่า 6,000 บาท สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายลดหนี้สินได้ และเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีกด้วย
ส่วนผู้ที่ใดที่สนใจและดำเนินการไม่ทันตามกำหนดขอให้ติดตามข่าวสาร โดยจะนำข้อมูลผลตอบรับจากโครงการในเฟสแรกนี้ไปประมวลปรับปรุงเงื่อนไขต่างๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของพี่น้องผู้ใช้แรงงานให้มากขึ้น เพื่อนำไปพิจารณาสู่โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนในเฟสต่อไป