หุ้นไทยวันนี้ (6 พ.ค.64) ปิดเพิ่มขึ้น 22.69 จุด แรงหนุนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยต่างประเทศ
หุ้นไทยวันนี้ (6 พ.ค.64) ปิดการซื้อขาย 1,571.91 จุด เพิ่มขึ้น +22.69 จุด (+1.46%) มูลค่าการซื้อขายราว 42,628.75 ล้านบาท
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด จากหลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งคลายกังวลสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศที่ดีขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี ทั้งยุโรปและสหรัฐฯ รวมถึงไทยได้รับคซีนโควิดเข้ามาเพิ่ม และยังเปิดทางให้ภาคเอกชนร่วมจัดหาวัคซีนด้วย ส่งผลให้เกิดความคาดหวังการเดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้น ด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้ส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Global plays ฟื้นตัวแรง
"ยิ่งใช้ ยิ่งได้ " กระตุ้นกำลังซื้อคนไทยกระเป๋าหนัก
ส่วนบ้านเราก็มีแรงซื้อกลับมาหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งจะใช้เม็ดเงิน 2.3 แสนล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ด้านสัญญาณทางเทคนิคหลังจากที่ดัชนีฯปรับตัวลงมาแล้วยืนได้เหนือ 1,550 จุด ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาด้วย
สำหรับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก มีเพียงตลาดหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ติดลบ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในยุโรปเคลื่อนไหวในแดนบวกขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีขึ้น และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในยุโรปก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และความคืบหน้าวัคซีนที่จะนำมาใช้ในไทย รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งงบที่ออกมาแล้ว โดยเฉพาะงบฯของหุ้นบิ๊กแคปต่างออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ช่วงปลายเดือน พ.ค.นักวิเคราะห์ฯอาจจะปรับเพิ่มประมาณการก็จะช่วยหนุนตลาดได้อีกครั้ง
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) นายสุโชติ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้แต่อาจน้อยกว่าวันนี้ เชื่อว่าจะไม่มีข่าวลบเข้ามาเพิ่ม พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,590 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 4,627.26 ล้านบาท ปิดที่ 367.00 บาท เพิ่มขึ้น 52.00 บาท
STA มูลค่าการซื้อขาย 4,324.64 ล้านบาท ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 2.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,561.91 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,368.25 ล้านบาท ปิดที่ 474.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,186.44 ล้านบาท ปิดที่ 12.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
ภาวะการซื้อขายช่วงครึ่งวันเช้า
หุ้นไทยวันนี้ (6 พ.ค.64) ปิดครึ่งเช้า 1,565.74 จุด เพิ่มขึ้น 16.52 จุด (+1.07%) มูลค่าการซื้อขายราว 49,236 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวขึ้นหลังจากเจอแรงขายหนักเมื่อวานนี้ มองเป็นการเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังจากที่ดัชนีฯลงไป 1,550 จุดจึงดึงกลับขึ้นมา ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทรงตัว แต่มาตรการภาครัฐฯที่ออกมาจะช่วยหนุนได้ในช่วงสั้น โดยตลาดฯยังไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ มีเพียงแรงเก็งกำไรเข้ามาบ้างหลังจากลงไปมาก
โควิดคร่าชีวิต ทวดอายุ 100 ปี ทั่วไทยดับอีก 18 อัตราการตายพุ่งสูง 356 คนโคม่า
พาณิชย์ ปฏิเสธจดสิทธิบัตร ยาเม็ด “ฟาวิพิราเวียร์” เปิดทางองค์การเภสัชกรรมผลิตใช้เอง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบ โดยยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ อย่างในวันศุกร์จะมีตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ และวันนี้มีตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ช่วงหลังตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐฯออกมาดีขึ้นเรื่อย ๆ ต้องรอดูต่อไปว่าจะยังดีต่อเนื่องหรือไม่
ส่วนบ้านเรา ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป และในสัปดาห์หน้า MSCI จะปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังยืนในแดนบวกได้แต่อาจไม่เร่งตัวขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,570 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
STA มูลค่าการซื้อขาย 3,467.09 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท ลดลง 1.50 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,130.28 ล้านบาท ปิดที่ 354.00 บาท เพิ่มขึ้น 39.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,051.00 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,670.67 ล้านบาท ปิดที่ 12.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,255.40 ล้านบาท ปิดที่ 472.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท
เปิดตลาดการซื้อขาย
หุ้นไทยวันนี้ (6 พ.ค.64) บวก +9.68 จุด ที่ระดับ 1,558.90 จุด (+0.62%) มูลค่าการซื้อขาย 22,124.34 ล้านบาท
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down โดยมีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิออกมามากเมื่อวานนี้ถึงกว่าหมื่นล้านบาท ผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และการกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ล่าช้า
หุ้นไทยวันนี้ (5 พ.ค.64) ปิดร่วงไป 33.91 จุด โควิดทำเศรษฐกิจไทยแย่
เช็กสิทธิ 8 โครงการ 7 มาตรการเยียวยาโควิด ลด แลก แจก 1,200-7,000 ให้สินเชื่อปลอดดอก พักหนี้
สินเชื่อ-พักหนี้ ช่วยลูกหนี้ ผู้ประกอบการกระทบโควิด-19 จากรัฐล่าสุด
อีกทั้งวานนี้ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกมาเปิดเผยว่าจะเลื่อนใช้เกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่ออกไปก่อน ทำให้หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากเกณฑ์ใหม่ฟรีโฟลตอย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์ ถูกขายออกมา ซึ่งแรงขายส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนต่างชาติด้วย และกลุ่มแบงก์ก็ยังเผชิญความเสี่ยงจากอาจตั้งสำรองฯสูงขึ้นได้อีกหลังมีมาตรการรัฐฯในการพักชำระหนี้
อย่างไรก็ดี ระหว่างวันอาจมีแรงเก็งกำไรได้ หลังจากยังใช้เกณฑ์ฟรีโฟลตเดิม ทำให้หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเกณฑ์เดิมก็อาจมีแรงซื้อกลับมาได้หลังจากที่ได้ถูกขายออกไปก่อนหน้านี้เพราะกังวลจะใช้เกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่ อย่างหุ้น DELTA อาจมีแรงซื้อกลับเข้ามา
สำหรับมาตรการภาครัฐฯที่ใช้เม็ดเงินราว 330,000 ล้านบาท คิดเป็น 1.4% ของ GDP ซึ่งไม่ได้สร้าง Surprise อะไรและแทบจะไม่กระทบตลาด และ GDP ไทย แต่สิ่งที่ตลาดมองจะมีปัญหาในแง่ของการจัดหาเงินหรือเปล่า และกังวลถึงแนวโน้มการถูกปรับลด GDP จากผลกระทบโควิดระบาดหนักในรอบนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่ GDP ที่ถูกปรับลด อาจมีตัวเลขอื่น ๆ ที่อาจจะถูกปรับลดประมาณการลงด้วย อย่างภาคการท่องเที่ยว เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวคงจะต้องถูกปรับลดประมาณการลงอีก ส่งผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมี Downside สูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดฯมีโอกาสปรับฐานได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก ผ่อนคลายหลังนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ออกมาว่าเคารพในความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
พร้อมให้ติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศต่อไป และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน พร้อมให้แนวรับ 1,540-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555-1,560 จุด
ดาวน์โจนส์ น้ำมันโลก และค่าเงิน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) แรงซื้อหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) หรือหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดลบเนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 34,230.34 จุด เพิ่มขึ้น 97.31 จุด หรือ +0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,167.59 จุด เพิ่มขึ้น 2.93 จุด หรือ +0.07% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,582.43 จุด ลดลง 51.07 จุด หรือ -0.37%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดกในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 65.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 68.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าเงินบาทเปิด 31.15/16 อ่อนค่าจากวานนี้ รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง คาดกรอบ 31.05-31.25