“เวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ” วิธีป้องกันโรคเฉพาะบุคคล
ยาอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป! ถ้าเราป้องกันโรคด้วย “เวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ” โปรแกรมตรวจและดูแลสุขภาพแบบเจาะลึกระดับเซลล์เฉพาะบุคคล
ในปัจจุบัน โรคต่างๆ เริ่มน่ากลัวมากขึ้น คนที่เข้ามาตรวจและพบว่าเป็นโรคต่างๆ เริ่มอายุน้อยลง อายุ 20 กว่าๆ โรคก็ถามหากันแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะเราใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันกันอย่างมากมาย หรือการระบาดของโควิด-19 รวมถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ด้วย
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำ คือ ต้องไปค้นหาก่อนว่าตัวเราเองมีความเสี่ยงอะไรบ้าง มีโอกาสที่จะเกิดโรคอะไรในอนาคตตามมา เพื่อป้องกันไม่ให้การใช้ชีวิตที่ยืนยาวต้องมาเจ็บป่วยมากขึ้น
“หม้อทอดไร้น้ำมัน” ใครว่าไม่จำเป็นต้องทำความสะอาด เสี่ยงเกิดโรค-ไฟไหม้
หินปูน ทำไมถึงต้องขูดออก ? ปล่อยเอาไว้เหงือกอักเสบ-ฟันห่างจริงหรือไม่?
ดังนั้น เวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูจึงสำคัญมาก พญ.กอบกุลยา จึงประเสิรฐศรี ผู้อำนวยการศูนย์พรีเมียร์ไลฟ์เซ็นเตอร์ โรงพยาบาลพญาไท 2 อดีตรองนางสาวไทย จึงมาให้ข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
รู้จัก “เวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ”
จุดเริ่มต้นของศาสตร์นี้ เกิดขึ้นให้สหรัฐอเมริกาเมื่อ 20 ปีก่อน เขามองเห็นว่ามนุษย์กำลังจะมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น แค่กลับเจ็บป่วยมากขึ้นด้วย จากเดิมที่ทางการแพทย์โฟกัสไปที่การรักษาด้วยยา จึงเปลี่ยนแปลงการรักษามาโฟกัสไปที่การป้องกันแทน เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต้องกันไปพึ่งยา ซึ่งอาจมีผลต่อระตับหรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายตามมาได้ แถมยังรักษาได้ง่ายกว่าการปล่อยให้เกิดโรค
ส่วนประเทศไทยเอง ก็เริ่มรับแนวคิดนี้เข้ามาในช่วง 5-10 ปีหลังที่ผ่านมา และเรียกการรักษาดังกล่าวว่า “เวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ” หรือ “Preventive Medicine”
สรุป คือ เป็นการป้องกันก่อนเป็นโรค ช่วยชะลอความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นกับระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต้องหันไปพึ่งยา มีสุขภาพดี และมีความสุขมากเกินกว่าระดับที่เป็นอยู่นั่นเอง
การรักษาที่ต่างจากตรวจสุขภาพประจำปี
ความจริงแล้ว อาการที่แฝงอยู่ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกแล้วว่าควรดูแลตัวเอง แต่หลายคนมักไม่เอะใจ หรือละเลยไป เพราะว่าเป็นอาการที่คนทั่วไปก็เป็น เช่น
- ไมเกรน
- ลำไส้โครกคราก
- ผื่นขึ้นง่าย
- ท้องผูก
- ท้องเสียง่าย
- ลำไส้ไม่ค่อยดี
โปรแกรมดูแลสุขภาพที่ออกแบบรายบุคคล
เนื่องจากการรักษาแบบเวชศาสตร์ เป็นการป้องกันโรค จึงจะต้องพาไปสแกนร่างกายดูก่อนว่า สภาพร่างกายของเราเป็นอย่างไรจะได้วางแผนฟื้นฟูร่างกายถูก เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพื่อให้แพทย์ประเมินสถานการณ์ได้ว่า เรากินโปรตีนพอหรือไม่ ควรลดน้ำหนักไหม ควรออกกำลังกายแบบไหน หรือควรทานวิตามินไหนเสริมกันแน่ ฯลฯ จะมีโปรแกรมการตรวจให้เลือกมากมาย ได้แก่
- ตรวจสุขภาพเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Premium Check up Program For Anti-Aging)
- ตรวจระดับสมดุลของสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ (Royal Vitamin & Micronutrient Program)
- ลดน้ำหนัก (Weight Loss Program)
- ตรวจระดับสมดุลฮอร์โมน (Royal Hormones)
- บริการด้านผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเฉพาะบุคคล (Customized & Tailor-Made Supplements)
- ตรวจอาการแพ้อาหารแอบแฝง Food Intolerance Test (216 Food Items (Hidden Food Allergy)
- ตรวจหาสารโลหะที่มีพิษในเลือด (Toxic Metals Profile)
- ตรวจวัดความยาวส่วนปลายสุดของโครโมโซมเพื่อเปรียบเทียบอายุจริงเทียบกับอายุตามปฏิทิน (Telomere Length)
- ตรวจฮอร์โมนและสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อประเมินความเครียด (Stress Rebalance)
การได้รับการวางแผนดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งไม่ใช่แค่การดูแลแบบองค์รวมทั่วๆ ไป จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ฟื้นฟูได้เร็วกว่า มีสุขภาพกายและใจที่ดีควบคู่กันไป ยกตัวอย่างเช่น
เมื่ออายุเข้าวัย 20 ปี คอลลาเจนของเราจะลดลง 5-10% ต่อปี แล้วเมื่อ 35 ปี กราฟจะตกลงครึ่งหนึ่ง เพราะฮอร์โมนของเราเริ่มจะน้อยลง แต่ในบางคนที่นอนน้อยอายุประมาณ 20 กว่าๆ ริ้วรอยก็มาแล้ว ไม่ต้องรอจนถึง 35 ปีก็ได้ จะเห็นได้ว่าแม้เราจะกินอาหารเสริม แต่ยังนอนน้อยเอง ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี
หรือกรณีที่ไม่รู้ว่ากระดูกตัวเราโค้ง ไปเล่นกีฬาชนิดอื่น ที่ไม่ใช้พิลาทิส อาการหลังแอ่น หลังค่อมก็ไม่อาจแก้ได้
เวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ เหมาะกับใครบ้าง
เพราะคุณภาพชีวิต และความสุขคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิต การให้ความสำคัญกับสุขภาพในแบบเวชศาสตร์ แน่นอนว่าจะเป็นหนทางในการป้องกันโรคที่ดี
แม้จุดเด่นของโปรแกรมดูแลสุขภาพนี้ จะเด่นในการป้องกันโรค แต่ถ้าป่วยเป็นโรคอื่นๆ แล้ว ใช่ว่าจะใช้การรักษาแบบเวชศาสตร์จะฟื้นฟูไม่ได้ เพราะ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย ดังนั้นการรักษาด้วยวิธีนี้จึงเหมาะกับ
- ผู้ที่ต้องการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ เพราะการมีอายุยืนยาวไม่ใช่คำตอบของการมีชีวิตที่ดี แต่การมี “สุขภาพดี” เป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน
- ผู้ที่ต้องการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ผู้ที่ต้องการป้องกันและดูแลโรคเรื้อรัง ควบคู่กับการรักษา การดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันเป็นสิ่งที่สามารถเตรียมตัวดูแลได้ด้วยตัวเอง โดยการเลือกแพทย์เฉพาะทางเพื่อเป็นผู้คอยให้คำแนะนำอย่างใส่ใจและใกล้ชิด
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่เป็นอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
แพ้อะไรปัจจัยเกิด“ลมพิษ” ผื่นแดง-คันยุบยิบ วิธีรักษาให้หายขาด
“กลิ่นปาก” สัญญาณบอกสุขภาพช่องปากแย่ เช็กอาการบอกโรคเรื้อรัง