สัญญาณมะเร็ง 3 อันดับคร่าชีวิตผู้หญิง เจอเร็วโอกาสหายสูง ลดการเสียชีวิต

โรคมะเร็ง นับเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตประชากรไทยมาอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี  โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีร่างกายที่ซับซ้อนเเละต้องดูเเลเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนหลังหมดประจำเดือนที่เป็นปัจจัยหลักในการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการมีเพศสัมพันธ์ เเละปัจจัยทางสิ่งเเวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งโดยไม่รู้ตัว 

มะเร็งที่พบในผู้หญิง ส่วนใหญ่จะเป็น ชนิด มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม  มะเร็งรังไข่ ที่ในระยะแรกจะไม่เเสดงอาการ

เช็กสัญญาณเตือน 3 มะเร็งในผู้หญิง

มะเร็งเต้านม มะเร็งอันดับ 1 ของผู้หญิง เกิดจากเซลล์ที่อยู่ภายในท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนม ทำงานผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมได้ เเละลุกลามไปยังเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้การทำงานของอวัยวะนั้นๆ ล้มเหลวได้ พบบ่อยในช่วงอายุ 35 ปี ขึ้นไป หรือกลุ่มที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม 

สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม

• คลำพบก้อนเนื้อบริเวณเต้านม
• มีเลือด หรือน้ำเหลือง ไหลออกมาจากหัวนม
• มีอาการปวดบริเวณเต้า เเละเต้านมมีขนาดที่เปลี่ยนไป
• มีก้อนปูดโปนที่เต้านม หรือรักแร้

มะเร็งปากมดลูก มะเร็งที่พบอันดับ 2 ของผู้หญิง เป็นความผิดปกติของเซลล์ที่เกิดขึ้นบริเวณมดลูก ช่องคลอด และปากมดลูก โดยการติดต่อเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) สามารถติดต่อได้จากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ อีกทั้งหากสะสมไว้เป็นเวลานาน เชื้อไวรัสนี้ก็อาจกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ โดยจะพบบ่อยในช่วงอายุ 30-40 ปี ขึ้นไป

สัญญาณเตือนมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งรังไข่ เป็นมะเร็งที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่เเน่ชัดของการเกิดโรค เเต่ส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มที่มีประจำเดือนเร็วก่อนอายุ 12 ปี หรือหมดประจำเดือนช้ากว่าอายุ 55 ปี รวมถึงคนที่มีบุตรยาก และต้องใช้ยากระตุ้นในการตกไข่  

สัญญาณเตือนมะเร็งรังไข่

• คลำพบก้อนบริเวณท้องน้อย
•  มีอาการท้องอืดเป็นประจำ
• มีภาวะฮอร์โมนเพศผิดปกติ เช่น เสียงห้าว มีหนวด
• ประจำเดือนมามากกว่าปกติ

ฉะนั้นผู้หญิงไม่ควรละเลยในการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการคัดกรองความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ทั้งนี้หากมีสัญญาณเตือนสักข้อหนึ่งจากที่ว่ามาควรรีบพบแพทย์ในทันที เพราะหากเจอเร็ว จะมีโอกาสรักษาหายได้มากว่า ลดอัตราการลุกลามและเสียชีวิต

“เพราะร่างกายผู้หญิงซับซ้อน จึงไม่ควรละเลย”

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล