4 มีนาคม วันอ้วนโลก ใครบ้างเสี่ยง? ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
วันอ้วนโลก (World Obesity Day) ตรงกับวันที่ 4 มีนาคม ของทุกปี เชิญชวนตระหนักรู้เท่าทันโรคอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และประชากรจำนวนมากกว่า 4 ล้านคนเสียชีวิตจากปัจจัยดังกล่าว
รู้หรือไม่ ? ทั่วโลกประชากรจำนวนมากกว่า 4 ล้านคน เสียชีวิตจากการที่มีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน อีกทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ จากผลการสำรวจ พบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 8.8 ในปี 2561 เพิ่มเป็น ร้อยละ 9.2 ในปี 2562 ส่วนเด็กอายุ 6-14 ปี เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 11.7 ในปี 2561 เพิ่มเป็น ร้อยละ 12.4 ในปี 2564 ส่วนวัยผู้ใหญ่อายุ 19 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มอ้วนมากขึ้น
4 มีนาคม วันอ้วนโลก กินมื้อเช้าได้สุขภาพดี ไม่ต้องกลัวอ้วน ลดพุงลดโรค
ภายในปี 2035 คนครึ่งโลกจะมีภาวะน้ำหนักเกิน-โรคอ้วน
โดยสหพันธ์โรคอ้วน องค์กรในสังกัดองค์การอนามัยโลกประเมินว่า ในปี 2035 หรืออีก 12 ปีข้างหน้า ประชากรโลกเกินครึ่งจะมีภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐานและโรคอ้วน
รู้จักภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ให้มากขึ้น?
ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน เป็นการสะสมไขมันมากผิดปกติในร่างกาย ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพในด้านต่างๆ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ แต่การที่จะบอกว่าใครเป็นคนอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ในทางการแพทย์เราจะดูจากตัวเลขของดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งคำนวนได้จากน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง (kg/m2) ดังนี้
- ภาวะน้ำหนักเกิน BMI 23-24.9 Kg/m2
- โรคอ้วน BMI >25 Kg/m2
สาเหตุของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
เกิดจากความไม่สมดุลกันระหว่างพลังงานที่ได้รับจากการกิน โดยเฉพาะอาหารที่ให้พลังงานสูงเป็นประจำก็จะได้รับพลังงานมากเกินกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญได้หมด และยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย พลังงานก็จะเหลือมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการสะสมเป็นไขมันส่วนเกินได้ง่ายและรวดเร็ว อาทิ การอ้วนจาก
- ไขมันจากอาหารผัดทอด
- คาร์โบไฮเดรตจากอาหารประเภทแป้ง
- ของหวานหรือน้ำชงที่มีน้ำตาลและนมจำนวนมาก
ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ยังพบได้ในผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนผิดปกติ เช่น ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือเกิดจากการรับประทานยาบางชนิดได้ด้วย ในการที่จะลดน้ำหนักได้ตรงจุดนั้นจึงควรค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และควรตรวจหาระดับไทรอยด์ฮอร์โมน เพื่อค้นหาภาวะอ้วนจากการพร่องไทรอยด์ที่พบได้บ่อยๆ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ยาปรับระดับไทรอยด์ฮอร์โมน
4 มีนาคม วันอ้วนโลก ค่า BMI เท่าไหร่? ถึงเรียกว่าน้ำหนักเกิน
ผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร?
ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนนั้น เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ข้อเข่าเสื่อม และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ ส่วนการลดน้ำหนักลงให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมก็จะสามารถลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เหล่านี้ได้ เช่นกัน และพบว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมักเป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับได้มากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย ดังนั้นในคนที่มีน้ำหนักเกินก็ควรได้รับการตรวจคัดกรองโรคร่วมเหล่านี้ด้วย เพื่อการป้องกันและได้รับการรักษาก่อนที่โรคจะลุกลามรุนแรง
ลดน้ำหนักด้วยวิธีใดบ้าง?
- เริ่มจากความไม่เครียด การลดน้ำหนักต้องอาศัยแรงใจพอสมควร การตั้งเป้าหมายจึงต้องชัดเจน
- ลดการรับประทานอาหารประเภทของทอด ของผัดน้ำมัน ของมัน ขนมกรุบกรอบ น้ำหวาน แป้งขัดขาว ซึ่งให้พลังงานสูงและกระตุ้นอินซูลิน
- เพิ่มการรับประทานผักใบเขียว ผลไม้ไม่หวาน อาหารที่มีกากใยสูง ธัญพืชไม่ขัดสี ซึ่งจะให้ทำอิ่มได้นานขึ้น และยังได้วิตามินที่ดีต่อร่างกาย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที โดยให้หัวใจเต้นแรงขึ้นขณะออกกำลังกาย ร่วมกับการออกกำลังกายแบบมีแรงต้านเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อที่มากขึ้นจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ในรายที่คุมน้ำหนักไม่ได้ด้วยวิธีดังกล่าว อาจพิจารณาเรื่องการใช้ช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์ หรือใช้การผ่าตัดช่วย อย่างไรก็ตาม การรักษาควรทำควบคู่กับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีสุขภาพที่ดี และมีความยั่งยืนของน้ำหนักที่ลดลง
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
5 เหตุผล ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ เปลี่ยนความคิด สร้างสุขภาพดีที่ด้วยตัวคุณ
5 ประเด็นสำคัญ กับโรคอ้วน ภัยร้ายที่ไม่ได้รับเชิญ