อาการเตือน “หัวใจเต้นผิดจังหวะ” เสี่ยงภาวะหัวใจล้มเหลว-หลอดเลือดสมองอุดตัน
หลายคนไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีสิทธิเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และรู้หรือไม่? นั้นเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจสุ่มเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันและหลอดเลือดสมองอุดตันได้
หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia) ถือเป็นโรคหัวใจชนิดหนึ่ง เกิดจากมีจุดหรือตำแหน่งบางที่ในหัวใจที่กำเนิดกระแสไฟฟ้าผิดปกติ หรือมีจุดวงจรลัดไฟฟ้าเล็กๆ ภายในหัวใจ เนื่องจากความผิดปกติดังกล่าวมีขนาดเล็กจึงไม่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ ซึ่งเป็นอาการที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะตามธรรมชาติ อาจเต้นเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป ทำให้การสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหลอดเลือดสมองอุดตันเพิ่มมากขึ้น
สาเหตุของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- กรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นความผิดปกติของวงจรไฟฟ้าหัวใจตั้งแต่กำเนิด
- การเสื่อมสภาพของระบบไฟฟ้าหัวใจ มักเกิดในผู้สูงอายุ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ เนื่องจากหัวใจทำงานมาเป็นเวลานาน จึงเกิดความเสื่อมตามอายุการใช้งาน ระดับพลังงานที่กระตุ้นหัวใจจึงทำงานน้อยลง ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าผิดปกติ
- โรคที่ส่งผลให้เกิดการเต้นผิดจังหวะ เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเส้นเลือดสูง โรคเบาหวาน และผู้ที่มีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- ยา และสารเสพติดบางชนิด การทานยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ เช่น ยารักษาโรคหวัด ยาขยายหลอดลม ยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ
สัญญาณเตือน! โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ตาลาย หน้ามืด หรือวิงเวียน
- วูบเป็นลมหมดสติ
- ใจสั่นผิดปกติ หรือใจสั่นอย่างรุนแรง
- เจ็บแน่นบริเวณหน้าอก หรือลิ้นปี่
- อ่อนเพลีย จนไม่มีแรง
หากพบว่าตนเองมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถตรวจวินิจฉัยได้หลายวิธี ดังนี้
- การเอกซเรย์หน้าอก (Chest X-ray)
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: ECG)
- การตรวจด้วยเครื่องบันทึกคลื่นหัวใจตลอดระยะเวลา 24-48 ชั่วโมง โดยใช้ Holter Monitoring
- การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test : EST)
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
- การตรวจระบบการนำไฟฟ้าภายในหัวใจ (Cardiac electrophysiology study)
6 พฤติกรรมสุดแย่ ทำร้ายหัวใจตัวเอง เสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน
รักษาโดยเปลี่ยนให้หัวใจกลับมาเต้นอย่างปกติ โดยการรักษาด้วยยา รักษาด้วยไฟฟ้า หรือรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุ นอกจากนี้ อาจพิจารณารักษาด้วยยา เพื่อคุมไม่ให้หัวใจเต้นเร็วเกินไปเท่านั้น บางรายจำเป็นต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือดร่วมด้วย ทั้งนี้ การรักษาในแต่ละรายจะขึ้นกับลักษณะของผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยต้องพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น ความเครียด ยาบางชนิดชา กาแฟ แอลกอฮอล์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามหากไม่ต้องการให้ตนเองเสี่ยงเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรที่จะหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงความเครียดหรือวิตกกังวล หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรตรวจเช็คสุขภาพเพื่อเช็คความผิดปกติของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล
วิธีใช้ “เครื่องกระตุกหัวใจ” เพิ่มโอกาสการรอดชีวิต ผู้ป่วยโรคหัวใจ