4 สัญญาณ กับ 5 พฤติกรรม เสี่ยง “หลอดเลือดหัวใจตีบ” ควรพบแพทย์
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน นับสาเหตุการเสียชีวิต ของโรคหัวใจ แม้แต่คนอายุน้อยที่ยังอยู่ในวัยทำงานหรือยังเป็นวัยรุ่นก็มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากขึ้น สาเหตุสำคัญมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต รู้ทัน 4 สัญญาณเสี่ยงและ 5 พฤติกรรมที่ควรเลี่ยง
ปัจจัยหรือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น อายุ พันธุกรรม หรือความผิดปกติที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ที่ต้องได้รับการดูแลตามความเหมาะสม
ปัจจัยที่ควบคุมได้ พฤติกรรมการใช้ชีวิต
- อาหารไขมันสูง
หัวใจเหมือนเครื่องปั้มน้ำที่จะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง รสจัด โซเดียมสูง
6 สัญญาณ “โรคหัวใจ”คร่าชีวิตเฉลี่ย 2 คนต่อชม.ใครบ้างเสี่ยง?
อาการเตือน “หัวใจเต้นผิดจังหวะ” เสี่ยงภาวะหัวใจล้มเหลว-หลอดเลือดสมองอุดตัน
ส่งผลให้เกิดภาวะไขมันสะสมจนอุดตันในหลอดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจมีเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายจนเสียชีวิตได้
- การสูบบุหรี่
แน่นอนว่าบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะมีสารนิโคติน และคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่ทำให้เซลล์เยื่อบุหลอดเลือดหัวใจเสียหาย เกิดเส้นเลือดแข็ง ผนังเส้นเลือดหนา เกล็ดเลือดจับตัวกับผนังหลอดเลือด
- โรคความดันโลหิตสูง
การปล่อยให้ความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดมาเลี้ยงร่างกาย กล้ามเนื้อหัวใจจะหนาขึ้น หัวใจจะโตขึ้น หลอดเลือดตีบแข็งและอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย และนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวในที่สุด
- ความเครียด
ความเครียด ทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด นอกจากจะส่งผลต่อสภาพจิตใจแล้วยัวส่งผลต่อหัวใจโดยตรง เพราะหัวใจจะต้องทำงานหนักขึ้น เต้นเร็วและความดันโลหิตสูงขึ้น หากเครียดสะสมและบ่อยครั้ง ก็จะส่งผลเสียกับหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
- ไม่ค่อยออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้หัวใจแข็งแรงและมีความพร้อมต่อการใช้งานหนัก แต่หากหัวใจไม่ค่อยได้ออกกำลังก็จะทนกับการทำงานหนักไม่ไหว เมื่อมีเหตุจำเป็นต้องทำงานหนักจึงรับไม่ไหวและทำให้หัวใจล้มเหลวได้
- ปล่อยให้เป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน
ผู้ป่วยโรคเหล่านี้จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจอย่างยิ่ง หากมีไขมันในเลือดสูงก็จะทำให้เลือดข้นจนเกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้ง่าย ส่วนระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงมากๆ ก็จะทำให้หลอดเลือดเกิดความเสียหาย จนนำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือดได้
“หัวใจขาดเลือด” ที่สายบ้างานต้องเช็ก 4 สัญญาณเตือนก่อนหัวใจวาย
อาการหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ แต่ในผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างมากจนทนไม่ได้ เหมือนมีอะไรหนัก ๆ กดทับตรงกลางหน้าอก หรือการเจ็บจากหน้าอกขึ้นไปถึงคาง หรือเจ็บลงไปถึงแขนซ้าย
- หายใจหอบ เหนื่อย
- เหงื่อแตกใจสั่น
- หมดสติ หรือหัวใจหยุดเต้น (Heart Attack)
เพื่อลดความเสี่ยงการเป็น โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ หัวใจหยุดเต้นฉับพลัน การดูแลสุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด เค็มจัด อาหารมันๆ ทำจิตใจให้เบิกบาน ไม่เครียด และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้ได้สัปดาห์ละอย่างน้อยรวม 150 นาที รวมทั้งเข้ารับการ ‘ตรวจสุขภาพหัวใจ’ อย่างสม่ำเสมอ เพราะการตรวจพบภาวะเสี่ยงเร็ว ก็จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีโดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท และ โรงพยาบาลกรุงเทพ
อาการเหน็บชา เตือนภาวะขาดวิตามินบี 1 เสี่ยงโรคหัวใจ
Superfood ! 7 กลุ่มอาหารบำรุงหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดระดับไขมันเลว