ไม่ต้องรอสูงอายุ! เช็คสัญญาณสมองเสื่อมก่อนวัย ความเสี่ยงและวิธีป้องกัน
ภาวะสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ นับเป็นภัยใกล้ตัวที่แทบจะป้องกันไม่ได้ และปัจจุบันพบในคนที่อายุน้อยมากขึ้น จากปัจจัยการใช้ชีวิต
อย่างที่ทราบกันว่า “โรคสมองเสื่อม” จะพบในผู้สูงอายุ แต่ด้วยปัจจัยการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ภาวะสมองเสื่อมบางอย่างไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนอายุน้อยวัยทำงานแต่อย่างใดพบว่าภาวะนี้ได้เพิ่มขึ้นในคนที่มีอายุน้อยกว่า 65 ปี หรือที่เรียกว่า “โรคสมองเสื่อมก่อนวัย” ซึ่งพบมากประมาณ 8 % ของผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมทั้งหมดเช่น อัลไซเมอร์ เสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดตีบ ขาดวิตามิน ฯลฯ ก็อาจพบในวัยทำงาน หรือก่อนวัยสูงอายุได้เช่นกัน
ปัญหาเรื่องหู ทำสมองเสื่อมได้ เช็กสัญญาณเตือนหูเสื่อม วัยไหนก็เป็นได้
โรคหลงลืมชั่วคราว คืออะไร? เกี่ยวกับอัลไซเมอร์หรือไม่?
รวมถึงในกรณีเกิดจากอุบัติเหตุที่สมอง และสมองเสื่อมตามมา กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงอายุใดก็ได้! ชี้ชัดว่าไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ก็ต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพ
สาเหตุที่ทำให้โรคสมองเสื่อมก่อนวัย คล้ายกับสาเหตุโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ ได้แก่
- โรคอัลไซเมอร์ 34%
- สมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง (Vascular cognitive impairment) 18%
- สมองส่วนหน้าเสื่อม (Frontotemporal lobar degeneration: FTLD) 12%
- สมองเสื่อมจากลิววีบอดี (Dementia with Lewy bodies: DLBD) 7%
- จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 10%
- และจากสาเหตุอื่น ๆ 19%
อาการของสมองเสื่อมในคนอายุน้อย
- ลืมเรื่องง่าย ๆ เช่น วัน เดือน ปี สิ่งที่เพิ่งทำ
- สถานที่ที่เพิ่งไป ลืมนัดสำคัญ
- มีพฤติกรรม บุคลิกที่เปลี่ยนแปลงไปโดยจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น พูดจับใจความไม่ได้ พูดติด ๆ ขัด ๆ พูดเรื่องซ้ำ ๆ หรือนึกคำพูดไม่ออก
- การตัดสินใจถดถอย ตัดสินใจได้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ควรเป็น หรือใช้เวลานานกว่าปกติในการตัดสินใจ นำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง
- ไม่มีสมาธิในการจดจ่อกับการทำงาน ซึ่งอาการของโรคสมองเสื่อมก่อนวัยนี้ ต้องแยกออกจากภาวะอื่นด้วย เช่น ภาวะซึมเศร้า, ภาวะเครียด, โรคทางจิตเวชอื่น ๆ, โรคหลอดเลือดหรือเนื้องอกในสมองและภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ เป็นต้น
เบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี อาจเสี่ยงสมองเสื่อม
ชะลอสมองเสื่อมทำได้เร็วย่อมลดความเสี่ยงได้ !
- วัยเด็กสามารถดูแลสมองได้ด้วยโภชนาการ และการกระตุ้นพัฒนาการ
- ก็ไม่ละเลยการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน ทั้งในเรื่องการควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม รวมถึงระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุที่อาจมีผลทำให้สมองเสื่อมตามมา พร้อมให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพประจำปี
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่และควบคุมอาหารที่มีผลต่อเส้นเลือดสมอง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 8 แก้วต่อวัน หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่จะทําให้เกิดอันตรายแก่สมอง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์จัด การรับประทานยาโดยไม่จําเป็น
- นอนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้สมองสามารถเก็บข้อมูลใหม่ๆ ไว้ในความจํา เพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในอนาคต ดังนั้นควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
- ออกกําลังกายสม่ําเสมอ ครั้งละ 30 นาทีสัปดาห์ละ 3 - 5 ครั้ง เช่น เดินเล่น รํามวยจีน เป็นต้น
- การฝึกฝนสมอง พยายามมีสติในสิ่งต่างๆ ที่กําลังทํา ฝึกให้สมองได้คิดบ่อย ๆ เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือบ่อย ๆ คิดเลข เล่นเกมตอบปัญหา เกมจดจําชื่อ ฝึกหัดการใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ การท่องบทสวดมนต์ การร้องเพลง เสียงสูงๆ ต่ำๆ จากบทเพลงจะส่งผลใหสมองทำงานได้ดีขึ้น
- ควรออกไปพูดคุย พบปะผู้อื่นบ่อย ๆ เช่น ไปวัด ไปงานเลี้ยงต่าง ๆ สังสรรค์กับเพื่อน เป็นต้น
- พยายามไม่คิดมาก ไม่เครียด หากิจกรรมต่าง ๆ ทําเพื่อคลายเครียด เนื่องจากความเครียด และอาการซึมเศร้าอาจทําให้จําอะไรได้ไม่ดี
- ตรวจสุขภาพประจําปีหรือถ้ามีโรคประจําตัวก็ต้องติดตามการรักษาเป็นระยะ เช่น การตรวจหา ดูแลและรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น
การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเข้าไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นับเป็นดีที่สุด เนื่องจากภาวะสมองเสื่อมไม่ใช่แค่ปัญหาเฉพาะผู้ป่วย เท่านั้น แต่ภาวะสมองเสื่อมยังส่งผลกระทบกับบุคคลครอบครัว โดยเฉพาะทางด้านพฤติกรรม อารมณ์ ดังนั้นหากพบความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น สับสนทิศทาง สถานที่ รวมถึง การคิด ตัดสินใจไม่ดีเหมือนเก่า อย่านิ่งนอนใจ ควรพบแพทย์ ตรวจคัดกรองภาวะสมองเสื่อม พร้อมวางแผนการรักษาดูแลตัวเองต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล และ มหาวิทยาลัยมหิดล
อัลไซเมอร์-พาร์กินสัน โรคสมองส่งต่อได้ทางพันธุกรรม สัญญาณ-วิธีชะลอโรค