เช็กปัจจัย “ไขมันพอกตับ” ภาวะอันตรายที่ไม่อ้วนก็เป็นได้!
หลายคนทราบดีว่าความอ้วนลงพุงและการดื่มแอลกอฮอล์นั้นมาพร้อมกับโรคและภาวะอันตรายมากมาย อาทิ ภาวะไขมันพอกตับ ที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ แต่รู้หรือไม่มีปัจจัยอื่นอีกที่ควรระวัง! เช็กเลยคุณกลุ่มเสี่ยงหรือไม่
ไขมันพอกตับ(Fatty liver disease) คือภาวะการสะสมไขมันในตับที่มากเกินไป คือ มากกว่า 5% ของน้ำหนักตับ จะทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งนำไปสู่การเกิดตับอักเสบ ตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด ปกติร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งมาจาก 2 แหล่งใหญ่ๆ คือหน้าท้องและตับ ไขมันที่ตับนับเป็นแหล่งพลังงานใหญ่ที่สุด หากเกิดการสะสมของไขมันที่ตับมากๆ จะส่งผลให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ
8 สัญญาณ “ไขมันพอกตับ”ภัยพฤติกรรมเลี่ยงละเลยอาจพ่วงมะเร็งตับ-ตับแข็ง
7 สิ่ง ทำลายตับเสี่ยง “มะเร็งตับ” อาหารและพฤติกรรมแบบไหนควรเลี่ยง
สัญญาณไขมันพอกตับปกติตับที่แข็งแรงจะมีไขมันเพียงเล็กน้อย หากตรวจพบไขมันในตับประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตับ ถือว่ามี ภาวะไขมันพอกตับ ที่ส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง หรือส่งผลต่อการทำงานของตับ แต่พบว่า 7- 30% ของผู้ป่วยภาวะไขมันพอกตับจะมีอาการแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป เกิดการอักเสบและมีพังผืดเกิดขึ้นภายในตับ ส่งผลให้มีการดำเนินโรคที่มากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน เป็นต้น
ไขมันพอกตับ แบ่งได้เป็น 4 ระยะ
- ระยะที่ 1 เป็นระยะการสะสมไขมันในตับ ยังไม่มีอาการหรือการอักเสบเกิดขึ้นในตับ มักตรวจพบโดยบังเอิญ หรือจากการตรวจสุขภาพ
- ระยะที่ 2 เป็นระยะที่มีการอักเสบของตับ เซลล์ตับได้รับความเสียหาย ค่าการทำงานของตับจากผลเลือดผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังและมีพังผืดเกิดขึ้นได้
- ระยะที่ 3 เป็นระยะที่มีพังผืดภายในเนื้อตับและเส้นเลือดในตับ ในระยะนี้ตับยังสามารถทำงานได้ปกติ หากได้รับการรักษาที่สาเหตุ ก็จะสามารถหยุดการดำเนินโรคต่อไปได้
- ระยะที่ 4 เป็นระยะตับแข็ง เนื่องจากตับได้รับความเสียหายถาวร เกิดเป็นพังผืดทั่วทั้งตับและกลายเป็นตับแข็ง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตับวายและมะเร็งตับได้
แบ่งการดำเนินโรคได้
- ตับอักเสบ (บวม) ซึ่งทำลายเนื้อเยื่อของตับ เรียกระยะนี้ว่าภาวะตับอักเสบ (steatohepatitis)
- การอักเสบรุนแรงต่อเนื่อง เนื้อเยื่อแผลเป็นที่ตับได้รับความเสียหายจนเกิดเป็นพังผืด (fibrosis)
- เซลล์ตับถูกทำลายไปมาก เนื้อเยื่อแผลเป็นมีขนาดใหญ่จนตับไม่สามารถทำงานได้ปกติ เข้าสู่ภาวะตับแข็ง (cirrhosis of the liver) ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตับวายและมะเร็งตับ
3 โรคตับคนรุ่นใหม่ จุดเริ่มต้นมะเร็งตับ ป้องกันได้แค่ปรับพฤติกรรม
สาเหตุของโรคไขมันพอกตับ โรคไขมันพอกตับเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ
- ไขมันพอกตับที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ในสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยไขมันพอกตับจากการดื่มประมาณ 5%
- ไขมันพอกตับที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ เกิดขึ้นในผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะนี้ส่งผลต่อผู้ใหญ่ 1 ใน 3 คนและเด็ก 1 ใน 10 คนในสหรัฐอเมริกาพบอุบัติการณ์ในผู้ใหญ่ประมาณ 25-30% ของประชากรผู้ใหญ่ทั้งหมด และในเด็กประมาณ 10%
รู้หรือไม่ ? ปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุที่แท้จริงของโรคไขมันพอกตับที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ แต่พบว่าอาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ดังนี้
- กลุ่มอาการอ้วนลงพุง
- สตรีวัยหมดประจำเดือน
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคไขมันสูง
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัด ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาต้านไวรัสบางชนิด
อาการของโรคไขมันพอกตับ
ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับมักไม่มีอาการทางร่างกาย หรือหากมีอาการก็อาจเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้เล็กน้อย รู้สึกปวดใต้ชายโครงขวา
อย่างไรก็ตามไขมันพอกตับสามารถลดปัจจัยเสี่ยงได้ด้วยการดูแลตัวเอง กินอยู่ นอนดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มาก และหากพบความเสี่ยงแม้เพียงเล็กน้อยให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการใช้ชีวิต เพราะตามที่กล่าวมานี้ ไม่ต้องอ้วนก็ไขมันพอกตับได้!
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช
6 ความเสี่ยง “ไขมันในเลือดสูง” ก่อโรคหัวใจ ที่คนผอมก็เป็นได้!
รู้หรือไม่ ? ผอมไปก็เสี่ยงโรคได้ ทั้งไขมันในเลือดสูง – กระดูกพรุน