"อาการใจสั่น" แบบไหนควรพบแพทย์เสี่ยงสัญญาณโรคหัวใจ
หลายคนใจสั่นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และมีหลากหลายสาเหตุที่สามารถทำให้เกิดอาการได้ทั้งสาเหตุเล็กๆ ไปจนถึงสาเหตุใหญ่ๆ แล้วแบบไหนที่อันตรายล่ะ
อาการใจสั่น หัวใจเต้นแรง รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ แน่นตรงหน้าอก บางคนคิดว่าไม่ร้ายแรง เดี๋ยวก็หาย โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า นั่นอาจเป็นสัญญาณที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจได้ แต่อย่างไรก็ตามอาการใจสั่นยังบอกถึงปัจจัยอื่นๆได้ด้วย อาทิ
- ดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์
- ความผิดปกติของหัวใจ
- ภาวะความเครียด
- การอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ภาวะขาดน้ำ
- การเจ็บป่วยจากโรค เช่น ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ หรือทำงานมากเกินไป
- ยาบางชนิด
ใจสั่นแบบไหน ? สัญญาณของโรคหัวใจที่ควรพบแพทย์โดยด่วน
โดยปกติแล้วหัวใจของเราจะเต้นอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที แต่อาการหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะของโรคหัวใจนั้น อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วถึง 150-250 ครั้งต่อนาที ซึ่งจะทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย ใจสั่น หายใจไม่ทัน
- อาการใจสั่นร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น หน้ามืด เป็นลมหมดสติ เจ็บ แน่นหน้าอก หรือเหนื่อยหอบกว่าปกติ ที่อาจบ่งบอกว่าเป็นโรคหัวใจรุนแรง ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
- อาการใจสั่นที่เกิดขึ้นทันทีทันใด โดยไม่ได้เกี่ยวกับการออกแรง และสามารถหายได้เอง ผู้ป่วยมักแยกอาการแตกต่างกันขณะที่มีและไม่มีอาการใจสั่น
- การใจสั่นที่เกิดร่วมกับจังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ
- อาการใจสั่น ในผู้ป่วยที่ทราบว่าเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยที่เคยมีกล้ามเนื้อหัวใจตายจากหลอดเลือดอุดตัน หัวใจโตล้มเหลว หัวใจผิดปกติแต่กำเนิด
- อาการใจสั่นในผู้ป่วยที่มีประวัติคนในครอบครัวใกล้ชิดเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะการเสียชีวิตกะทันหันก่อนวัยอันควร
ในบางครั้งที่หัวใจเต้นเร็วมาก อาจเกิดการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหนื่อย หรือเวียนศีรษะ บางครั้งหัวใจเต้นเร็วจนไม่สามารถพยุงความดันโลหิต ก็จะส่งผลให้เกิดการหน้ามืด เวียนศีรษะได้ และถ้าอาการเกิดขึ้นขณะที่อยู่นิ่ง ๆ โดยอาการเกิดขึ้นและหยุดทันที ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์หรือสัมพันธ์กับอาการเวียนหัว วูบ หน้ามืด มักมีสาเหตุจากวงจรไฟฟ้าเต้นผิดปกติ เพราะหากตื่นเต้น เครียด หรือออกกำลังกาย มักจะมีการเต้นเร็ว ค่อยๆ เป็น และค่อยๆ เต้นช้าลงเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ภาวะหัวใจเต้นเร็วอาจจะไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจ แต่เกิดจากความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะเลือดจาง ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ จากโรคท้องร่วงหรือเสียเลือดมาก ซึ่งเมื่อได้รับการรักษาแล้ว ภาวะหัวใจเต้นเร็วก็จะกลับสู่ปกติ โดยไม่ต้องใช้ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ
รักษาภาวะใจสั่น
- ตรวจร่างกาย การตรวจเอ็กซเรย์เงาปอด และหัวใจ และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อช่วยการวินิจฉัย หรือนำไปสู่การส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติมที่เหมาะสม
- แพทย์อาจส่งตรวจการเต้นของหัวใจด้วยการเดิน วิ่ง สายพานเลื่อนในผู้ป่วยที่สงสัยว่าตนเองอาจมีปัญหาเรื่องหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจฉีกขาด
- ผู้ป่วยที่สงสัยว่าตัวเอง มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจหนา หัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ลิ้นหัวใจตีบ หรือผนังกั้นหัวใจรั่ว หรือโรคของ เยื่อหุ้มหัวใจ คุณหมอก็จะส่งตรวจด้วยเครื่องตรวจเสียงสะท้อนหัวใจ (Ecohocardigraphy)
ภัยเงียบ “โรคหัวใจ” ใครบ้างกลุ่มเสี่ยง ? ควรตรวจสุขภาพหัวใจ ป้องกันก่อนเกิดโรค
นอกจากนี้ การรักษายังขึ้นอยู่กับผลการตรวจว่ามีหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่ ถ้ามีการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นเป็นชนิดใด และที่สาเหตุจากโรคหัวใจ หรือ ความผิดปกติของอวัยวะใด การรักษาที่สำคัญ คือ รักษาที่สาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว หากหลอดเลือดหัวใจตีบมาก อาจต้องได้รับการรักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจ เช่น การทำบอลลูน หรือการถ่างหลอดเลือด ด้วยขดลวดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
6 สัญญาณ “โรคหัวใจ”คร่าชีวิตเฉลี่ย 2 คนต่อชม.ใครบ้างเสี่ยง?
6 สัญญาณ “นอนกรน”แบบนี้! มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่ม 34%