ฝุ่นPM2.5 ภัยมลพิษปัจจัยก่อมะเร็งปอด-ลิ่มเลือดในสมองเสี่ยงหัวใจวาย
ฝุ่นจิ๋วPM2.5 มลพิษก่อมะเร็งปัญหาที่แก้ไม่ตก แนะวิธีป้องกันลดความเสี่ยงผลกระทบด้านสุขภาพ
เป็นประจำทุกปีที่ฝุ่น PM 2.5 จะถูกหยิบยกมาเป็นประเด็ดพูดถึงเพราะปฎิเสธไม่ได้ว่านี้คือ มลพิษทางอากาศที่เป็นปัญหาใหญ่ทั่วประเทศและต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง โดยฉพาะพื้นที่ตอนบน อย่างจ.เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีลักษณะแอ่งกระทะทำให้มีฝุ่นละอองที่กักขังอยู่ในบริเวณนั้นค่อนข้างเยอะ นอกจากปัจจัยที่ทำให้สภาวะทางอากาศแปรเปลี่ยนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ประชาชนอย่างเราต้องหันมาตระหนัก ก็คือ ผลกระทบด้านสุขภาพ เพราะฝุ่นอนุภาคเล็กๆ นี้..สามารถส่งผลให้เกิดอันตรายให้กับร่างกายได้อย่างที่ไม่คาดคิด
“มะเร็งปอด”เนื้องอกโตเร็ว พบป่วยมากในไทย เป็นได้แม้ไม่สูบบุหรี่!
สัญญาณแรกมะเร็งปอด ไอเรื้อรังติดต่อกัน 2 สัปดาห์ไม่ควรมองข้าม!
ฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอด?
รู้หรือไม่ ? จากการวิจัยเกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พบว่าเมืองที่ประชากรมีการสัมผัสฝุ่นละออง PM 2.5 มีความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดสูงมากกว่าประชากรที่ไม่ได้สัมผัสฝุ่นละออง PM 2.5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมอาจมีความเสี่ยงที่มากกว่า และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดที่สัมผัสฝุ่นละออง PM 2.5 มีโอกาสเสียชีวิตสูงมากกว่าปกติ เพราะเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ยิ่งสามารถผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ง่ายและรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดกำเริบ หรือเป็นสาเหตุให้คนปกติเป็นหอบหืดได้เช่นกัน หากไม่รีบแก้ไข หรือไม่รู้ตัวว่าได้สูดเอามลพิษขนาดเล็กเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและปอดจนสะสมเป็นเวลานาน อาจเป็นปัจจัยให้เกิดมะเร็งปอดได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามเพราะระยะเวลาในการสัมผัสค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดนั้นยังไม่ได้มีการรายงานของการวิจัยที่แน่ชัด
PM2.5 ส่งผลต่อหัวใจและสมอง!
นอกจากนี้ฝุ่น PM2.5 ยังส่งผลต่อหัวใจการสูดหายใจเอาฝุ่นละอองพิษเล็กจิ๋วติดต่อกันระยะหนึ่ง ส่งผลให้เกิดการตะกอนภายในหลอดเลือด จนทำให้เกิดหัวใจวาย หรือหลอดเลือดสมองตีบได้ ทั้งนี้การสัมผัสมลพิษทางอากาศยังมีผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เต้นผิดจังหวะ และอาจรุนแรงจนส่งผลให้หัวใจวายเฉียบพลัน อีกทั้งยังสามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดการสะสมขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง และเลือดมีความหนืด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดลิ่มเลือดในสมอง รวมถึงหลอดเลือดแดงในสมองได้
สายพันธุ์ “มะเร็งปอด” ระยะไหน? แพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง
ลดปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็งปอด
- ส่วนใส่หน้ากาก N95 กรองได้อย่างน้อย 95% และหน้ากาก N99 กรองได้มากถึง 99% โดยต้องสวมอย่างถูกต้องตามวิธีที่ระบุไว้ในบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ยังควรหมั่นกระชับหน้ากากไม่ให้หลวม เนื่องจากฝุ่นละอองมีขนาดเล็กมากจะสามารถลอดผ่านหน้ากากได้ง่าย ไม่ควรนำหน้ากากใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่หาก มีฝุ่นละอองหนาเกินไป
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้าน ในสถานการณ์ที่ฝุ่นคลุ้มและเกินค่ามาตราฐาน ควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น อาจใช้เครื่องปรับอากาศภายในบ้านแม้อุณภูมิภายนอกไม่สูง หรือปิดหน้าต่างให้มิดชิดในช่วงที่มีมลพิษสูง บางกรณีอาจใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยกรองอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็ก
- งดสูบบุหรี่และกิจกรรมที่ทำให้เกิดควัน การสูบบุหรี่หรือสูดกลิ่นควันอาจส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจและปอดอ่อนแอ เมื่อต้องเผชิญกับฝุ่นพิษในอากาศยิ่งส่งผลให้สุขภาพแย่ลง เพิ่มความเสี่ยงเกิดหอบหืดและมะเร็งปอด
- สังเกตตัวเองโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรพกยาติดตัวเสมอ หรือพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาสำหรับผู้ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานที่หนาแน่นของมลพิษทางอากาศ หรือไม่แน่ใจการป้องกันตนได้ผลหรือไม่ โดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มเสี่ยง หากพบอาการ เช่น หายใจลำบาก หน้ามืด อ่อนแรง หรือไอติดต่อกันรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาให้ทันท่วงที
ทั้งนี้ควรตรวจเช็กสภาพอากาศและฝุ่นละอองทุกครั้งก่อนออกจากบ้านเพื่อประเมินสถานการณ์เพื่อรับรองฝุ่นละอองขนาดเล็กโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูงอายุ เด็ก และผู้มีโรคประจำตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท และ โรงพยาบาลสมิติเวช
ภาพจาก : Freepik
อาการ-ความเสี่ยง"มะเร็งปอด" ที่คนไทยเสียชีวิตวันละ 40 คน
อาหารต้านมะเร็งปอด-ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ลดความเสี่ยงปอดอักเสบ