วิธีทดสอบภูมิแพ้ สะกิดผิว-เจาะเลือด แตกต่างกันอย่างไร?เหมาะกับใครบ้าง?
รู้หรือไม่? อาหารแพ้อาหารนับเป็นโรคที่คนไทยเป็นเยอะและมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง การวินิจฉัยที่ตรงจะทำให้การรักษาและหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ได้มากกว่า แนะ 2 วิธีทดสอบภูมิแพ้ โดยการสะกิดผิว (Skin prick Test)และเจาะเลือดตรวจ แตกต่างกันอย่างไรและใครเหมาะกับวิธีไหนบ้าง?
โรคภูมิแพ้ เกิดจากการอักเสบของอวัยวะในแต่ละส่วนของร่างกาย มักพบได้ในเด็กเล็กถึงเด็กโต โดยในแต่ละช่วงวัยจะพบโรคภูมิแพ้ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ในช่วงแรกเกิดถึง 1 ปีแรก จะพบโรคภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก โดยเด็กมักจะมีผื่นตามข้อพับหรือแก้ม เป็นๆ หายๆ และที่พบได้บ่อยอีกเช่นกัน คือ อาการแพ้อาหารโดยในช่วงขวบปีแรกที่พบได้คือ การแพ้นมวัว ไข่ (ไข่แดง ไข่ขาว) แป้งสาลี ถั่วลิสง ถั่วเหลือง เป็นต้น
“ภูมิแพ้” ทำไมรุนแรงมากขึ้นช่วงหน้าหนาว? เสี่ยงโรคหอบหืด-ไซนัสอักเสบ
สาเหตุ-สารก่อโรคภูมิแพ้ กระทบ 4 ระบบร่างกายที่ต้องรีบรักษาก่อนรุนแรง
การทดสอบภูมิแพ้ มี 2 วิธี
การทดสอบโดยการสะกิดผิว (Skin prick Test) คือการนำสารสกัดภูมิแพ้มาหยอดลงบนผิวหนัง โดยตำแหน่งที่นิยมทำ คือ ท้องแขนหรือหลัง จากนั้นใช้ปลายเข็มสะกิดเพื่อให้น้ำยาสามารถซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนัง สังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ ประมาณ 15-20 นาที
- ข้อดีของการทดสอบโดยการสะกิดผิว หลังจากทำการทดสอบสามารถรู้ผลได้ทันที ขณะที่ข้อจำกัดการทดสอบโดยการสะกิดผิว ต้องหยุดยาแก้แพ้ก่อนทำการทดสอบและเด็กต้องมีผิวที่สามารถทำการทดสอบได้ เช่น ไม่ใช่ผิวที่ไวต่อการสะกิด เพราะอาจทำให้เกิดผลลบลวงได้
การทดสอบ Skin prick Test เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นภูมิแพ้
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหืดตั้งแต่เด็ก
- สามารถทำได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ผลการทดสอบจะแม่นยำมากในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป
กรณีทดสอบในผู้สูงอายุ อาจพบผลลบลวงได้มาก เพราะความไวของผิวหนังน้อยลง นอกจากนี้อาจมีโรคประจำตัว หรือยาที่รับประทานเป็นประจำ ซึ่งรบกวนการเกิดปฏิกิริยาของผิวหนังต่อสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ ดังนั้น อาจต้องใช้การเจาะเลือดร่วมพิจารณาด้วย
“ภูมิแพ้อากาศ”หรือ“โควิด19”อาการคล้ายกันแยกให้ออกก่อนปอดอักเสบ!
การทดสอบโดยการเจาะเลือดตรวจค่าการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้โดยตรง(Specihc IgE) ซึ่งสามารถตรวจได้ทั้งภูมิแพ้อาหาร เช่น นมวัว ไข่แดง ไข่ขาว แป้งสาลี ถั่ว และภูมิแพ้ทางอากาศ เช่น ไรฝุ่น ขนสุนัข ขนแมว
- ข้อดีของการทดสอบโดยการเจาะเลือด คือ สามารถทดสอบในเด็กที่ไม่สามารถทำการทดสอบโดยการสะกิดทางผิวหนังได้ เช่น เด็กที่มีอาการแพ้รุนแรงจำเป็นต้องใช้ยาแก้แพ้ต่อเนื่องไม่สามารถหยุดยาได้ หรือเด็กที่มีผิวที่ไวต่อการสะกิด โดยผลตรวจเลือดจะใช้เวลาในการทดสอบ และจะทราบผลตรวจภายใน 5-7 วัน
การปฏิบัติตัวหลังทราบผลว่าเป็นภูมิแพ้
ในส่วนของคนที่เป็นภูมิแพ้ทางอากาศมักจะมีภาวะไวต่อสารที่ก่อภูมิแพ้ เช่น แพ้ไรฝุ่น ขนสุนัข ขนแมว ดังนั้นหากเราทราบว่าเราแพ้ต่อสารภูมิแพ้ชนิดใดและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้นๆ อย่างถูกวิธี จะสามารถทำให้อาการภูมิแพ้อากาศดีขึ้นได้ ส่วนสารก่อภูมิแพ้ทางอาหาร หากตรวจพบว่ามีการแพ้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง และพิจารณาหลีกเลี่ยงรวมถึงทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตัวหากสัมผัสกับอาหารชนิดนั้นๆ โดยบังเอิญ และติดตามอาการรวมถึงค่าการแพ้อาหารชนิดนั้นๆ เพื่อวางแผนในการดูแลต่อไป โดยแพทย์จะพิจารณาใช้ผลการตรวจการแพ้อาหารมาติดตามภาวะที่หายจากการแพ้อาหารได้ เนื่องจากการแพ้อาหารในเด็กนั้นโดยส่วนใหญ่สามารถหายขาดได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไทและโรงพยาบาลสมิติเวช
ภาพจาก : Freepik
รู้จักชนิด "น้ำเกลือล้างจมูก" แนะวิธีเลือกซื้อให้ได้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัย