สาเหตุความเครียดคุณแม่ตั้งครรภ์ เยียวยาก่อนส่งตรงถึงลูกน้อย!
ความเครียดในคุณแม่ตั้งครรภ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย และฮอร์โมน เร่งเยียวยาเสี่ยงแท้งลูก-โตช้า แนะวิธีป้องกันเพิ่มความเข้าใจ!
คุณแม่ตั้งครรภ์ คือเสี่ยงต่อภาวะเครียดได้ค่อนข้างง่ายกว่าคนอื่น เพราะนอกจาก ปัญหาฮอร์โมนที่เปลี่ยน ร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ก็อาจต้องเจอกับหลากหลายปัญหาไม่ต่างจากคนอื่นๆ ซึ่งรู้หรือไม่ ?ความเครียดเหล่านี้ส่งตรงถูกลูกน้อยในท้องได้
สาเหตุความเครียดในคุณแม่ตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทั้งในเรื่องของน้ำหนัก ความเป็นอยู่ การปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน อาการคลื่นไส้ อาเจียน กินข้าวไม่ได้ และการดูแลตัวเองอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์
วิธีแก้ปวดหัวจากความเครียด ปวดทุกวันมากกว่า 15 วัน อาจมีซึมเศร้าร่วม!
การกอด พลังช่วยฮีลใจช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุข ลดความเครียดได้!

ส่วนความกังวลหลังคลอด มักจะเป็นความกังวลที่ว่าจะสามารถดูแลลูกได้ดีหรือไม่
- ผลจากฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่ความเครียดและความอ่อนไหวทางอารมณ์เพิ่มขึ้น
- ความกังวลส่วนตัว เช่นความเครียดหลังคลอด
ความเครียดส่งต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน 2 ชนิด คือฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีน โดยผลกระทบที่เกิดจากความเครียดนั้น…แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือมารดาและทารกในครรภ์ ดังนี้…
- ฝั่งมารดา เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการเครียดจะทานอาหารไม่ได้ หรือทานได้มากกว่าปกติ นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลง จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีน ทำให้หลอดเลือดตีบ ความดันสูง และหัวใจเต้นเร็วขึ้น
- ฝั่งทารก เริ่มแรก ถ้าคุณแม่เครียดมากๆ อาจทำให้แท้งได้ตั้งแต่อายุครรภ์น้อยๆ หรือทำให้อาหารไปเลี้ยงลูกไม่พอ การเจริญเติบโตของเด็กจึงช้าและมีโอกาสคลอดก่อนกำหนด เมื่อคลอดแล้วยังส่งผลให้เด็กเลี้ยงยาก ขี้งอแง อ่อนไหวง่าย ขี้โมโห ไวต่อการกระตุ้น ในระยะยาวจะทำให้เด็กมีปัญหาด้านการปรับตัวทางสังคม อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดโรคหัวใจ ความดัน และเบาหวาน เป็นต้น
วิธีดีที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
ความเครียดของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก วิธีที่ง่ายที่สุด คือเมื่อรู้ตัวว่าเครียด ต้องเริ่มทำความเข้าใจกับตัวเองว่าความเครียดเหล่านั้นเกิดขึ้นจากฮอร์โมนธรรมชาติและความกังวลของตัวเอง คุณแม่ทุกคนจึงควรทำความเข้าใจ เรียนรู้ และยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หรือหาวิธีรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น หาวิธีผ่อนคลาย ทำกิจกรรมคลายเครียด ซึ่งอาจเป็นกิจกรรมที่ชอบทำอยู่แล้ว หรือกิจกรรมใหม่ๆ ที่อยากลอง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานศิลปะ จัดดอกไว้ วาดรูป ออกกำลังกายเบาๆ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ นั่งสมาธิ เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการไปกินข้าวนอกบ้าน หรือออกไปพบปะเพื่อนๆ
เช็กสัญญาณ “ต่อมหมวกไตล้า” จากการเสพติดความเครียดที่ควรรีบรักษา!
นอกจากนี้ คนรอบข้างก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดความเครียดของคุณแม่ได้ โดยเฉพาะสามีและคนในครอบครัว ที่ควรทำความเข้าใจธรรมชาติของคุณแม่ตั้งครรภ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ รวมถึงมีความกังวลต่างๆ จึงควรดูแลอย่างใกล้ชิด ให้กำลังใจให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
“คิดบวก” ช่วยลดความเครียดในคุณแม่ตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนจะแสดงอาการเครียดแตกต่างกันไป คุณแม่บางคนที่ปรับตัวได้ เมื่อตั้งครรภ์แล้วจะมีอารมณ์ดี นึกถึงลูกในท้อง วางแผนการเลี้ยงลูกล่วงหน้า
ทั้งนี้คุณแม่บางคนมีแนวโน้มที่จะมีอาการ ซึมเศร้าหลังคลอด หรือ Postpartum Blues ส่วนมากเกิดขึ้นหลังคลอดลูกภายใน 1 เดือน มักเกิดในคุณแม่ท้องแรก หรือตั้งครรภ์ตอนอายุมาก จะมีอาการไวต่อการกระตุ้น อ่อนไหวง่าย มีความกังวลมาก ร่วมกับการพักผ่อนน้อย เพราะต้องเลี้ยงลูกเกือบ 24 ชั่วโมง ซึ่งวิธีบรรเทาภาวะซึมเศร้าหลังคลอดขึ้นอยู่กับระดับความเครียดของคุณแม่ ถ้าไม่รุนแรงมาก แพทย์จะแนะนำให้ใช้การพูดคุย ให้กำลังใจกันภายในครอบครัว แต่หากเป็นความเครียดสะสม ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำต่อไป
นอกจากคุณแม่แล้ว คนรอบตัว ครอบครัว หรือ สามีเองก็ต้องเข้าใจคุณแม่ตั้งครรภ์ให้มากๆ เพราะหากเธอยิ้มได้ ลูกก็จะสุขภาพแข็งแรง ครอบครัวเป็นเซฟโซนอย่างแน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 2
6 ประเภท ภาวะวิกฤตทางอารมณ์ ความเครียด วิตกกังวลสูงต้องดูแล
กลไกสมอง สาเหตุการ“นอนไม่หลับ”ภาวะเครียดและโรคเรื้อรัง