กลุ่มอาหารลด อาการท้องอืด ขับลม อาหารไม่ย่อย เพิ่มประสิทธิภาพลำไส้ให้สมดุล

ต้องบอกก่อนว่า “อาการท้องอืด” อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ มีความสัมพันธ์กับความเครียด การคั่งของน้ำ การเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารผิดปกติ ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) และโรคลำไส้อักเสบ (IBD) ปรสิตในลำไส้หรือการเจริญเติบโตของแบคทีเรียมากเกินไป ความไม่สมดุลของฮอร์โมน การใช้ยาบางชนิดยาบางชนิด แก๊สในกระเพาะและอาการท้องผูก

ไขความลับของชีส หลังกระแส “ชีสบอร์ด” มาแรงติดเทรนด์โซเชียล

เทียบข้อดี ของนมวัว และ นมจากพืช เลือกให้เหมาะกับคุณ ประโยชน์เต็มแก้ว

แน่นอนว่า หากมีอาการท้องอืดไม่หายต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่อีกหนึ่งวิธี คือการกินเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำ ซึ่งหากมีอาหารเหล่านี้อยู่ในมื้ออาการอาจช่วยได้บ้างโดยเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแม้แต่น้อย

• ขิง สามารถกระตุ้นการเคลื่อนไหวในระบบทางเดินอาหาร บรรเทาอาการท้องผูกและอาการท้องอืดที่เกี่ยวข้อง ตามการศึกษาในเดือนพฤษภาคม 2018 ที่ตีพิมพ์ใน รายงานทางวิทยาศาสตร์  การทดลองแบบสุ่มควบคุมพบว่าแคปซูลขิงช่วยลดอาการท้องอืดในผู้ที่มี อีกทั้งยังเป็นยาแก้อาเจียน ซึ่งหมายความว่าสามารถช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้ ตามรายงานของUniversity of Michigan Health ลองขูดขิงสดใส่ถ้วยชา หรือยาเสริมอาหารที่มีขิงเป็นส่วนผสม รับรองว่าแก้อาการท้องอืดได้แน่นอน

• สะระแหน่ มีสารประกอบอินทรีย์ที่เรียกว่า แอล-เมนทอล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่วยลดการหดเกร็งของกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อของระบบทางเดินอาหาร และอาจบรรเทาอาการปวดท้องและท้องอืดได้ หากคุณไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นกรดไหลย้อน ให้ลองจิบชาเปปเปอร์มินต์ในครั้งต่อไปที่รู้สึกว่าท้องอิ่มเกินไป

• น้ำ การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการท้องอืด ซึ่งการให้ความชุ่มชื้นที่เหมาะสมสามารถช่วยลดการบวมได้ด้วยการช่วยระบบย่อยอาหาร แม้ว่าการให้ความชุ่มชื้นจะช่วยป้องกันอาการบวมได้ แต่การดื่มน้ำปริมาณมากในคราวเดียวอาจทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ แนะนำว่าให้ดื่มอย่างเหมาะสมและคอยจิบตลอดทั้งวัน

• สับปะรด มีเอนไซม์ที่เรียกว่าโบรมีเลนที่ช่วยในการย่อยโปรตีน การกินสับปะรดในชามเพิ่มความสดชื่นในครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกท้องอืดก็ไม่เสียหายอะไร

• ลูกพรุน ลูกพรุนเป็นอันดับหนึ่ง  ในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ได้แก่ ไฟเบอร์และซอร์บิทอลไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำในลูกพรุนจะเพิ่มปริมาณมากระหว่างการย่อยอาหารและช่วยให้อุจจาระผ่านระบบย่อยอาหารเร็วขึ้น ในขณะที่ซอร์บิทอลเป็นยาระบายตามธรรมชาติ

ผักและผลไม้ลดอาการบวมโซเดียม ขับปัสสาวะ รักษาสมดุลน้ำในร่างกาย

• มะละกอ มีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนระหว่างการย่อยอาหาร อีกทั้งยังเป็นแหล่งไฟเบอร์ต่ำที่เป็นมิตรกับร่างกายซึ่งอาจส่งเสริมลดอาการบวมได้

• แตงกวา ความชุ่มชื้นเป็นกุญแจสำคัญในการกำจัดอาการบวมการ รับประทานผักที่มีน้ำมากเช่น แตงกวา ซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก สามารถช่วยเพิ่มปริมาณของเหลวในร่างกายและให้ความชุ่มชื้นที่เราต้องการเพื่อกลับสู่จุดเริ่มต้นเมื่อท้องอืด

• ข้าวโอ๊ต มีเบต้ากลูแคนที่มีไฟเบอร์สูงปราศจากกลูเตนช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น ลดอาการท้องอืดได้เช่นกัน

• โยเกิร์ต อาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต กิมจิ และคีเฟอร์ เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่สนับสนุนการย่อยอาหาร ตัวอย่าง เช่น โปรไบโอติกที่พบในโยเกิร์ตบางชนิดแสดงให้เห็นว่าช่วยปรับปรุงอาการ IBS และอาการท้องร่วงในบางคน 

เคล็ดลับต่อต้านท้องอืดทั่วไป

• เคี้ยวอาหารให้ช้าลง
• จำกัดเครื่องดื่มอัดลม แอลกอฮอล์ เนื่องจากช่วยเพิ่มอากาศในลำไส้
• เลี่ยงเคี้ยวหมากฝรั่งเพราะช่วยสร้างก๊าซส่วนเกินในลำไส้
• ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็วสามารถช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และปล่อยก๊าซที่ติดอยู่
• หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่หมักดองสูงมากเกินไป เช่น กระเทียม หัวหอม และผักตระกูลกะหล่ำดิบ
• โดยทั่วไปแล้ว ผักที่ปรุงสุกจะย่อยได้ดีกว่าดิบ การย่าง หรือต้นอาจเป็นทางออกของคนท้องอืด
• กินพออิ่มไม่เอนจอยจนทรมาน

อย่าลืมกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้สมดุลด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : livestrong

วิธีเลือกกินอาหารผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ช่วยถนอมและชะลอโรคไต

กินดึก กินซ้ำ กินแต่อาหารสำเร็จรูป พฤติกรรมการกินเพิ่มอัตราเสี่ยงมะเร็ง