อาหาร 6 กลุ่มที่ผู้ป่วย “โรคไตเรื้อรัง” ต้องรู้ กินแบบไหนช่วยชะลอโรค?
อาการนับเป็นปัจจัยหลักในการชะลอโรคไตเรื้อรัง รักษาไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคที่เเต่ระยะมีความต้องการสารอาหารแตกต่างกันจึงควรได้รับการดูเเลอย่างใกล้ชิดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย
สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เมื่อไตทำงานลดลง ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เกิดการเสื่อมสภาพลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะการเลือกอาหารที่ชะลอไตวายเรื้อรัง และควบคุมไตไม่ให้ทำงานหนักจนเกินไป ลดการคั่งของของเสียในเลือดป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อรักษาภาวะโภชนาการของผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุดไม่ให้มีการขาดสารอาหารสุขภาพโดยรวมดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้เช่นกัน
8 อาหารบำรุงไต ห่างไกลโรคไตเรื้อรัง ประโยชน์ครบสารอาหารแน่น
8 สัญญาณ “โรคไตเรื้อรัง” ไม่ติดกินเค็มก็เป็นได้ ไม่จำกัดอายุ
โรคไตเรื้อรังในเเต่ละระยะมีความต้องการสารอาหารแตกต่างกันจึงควรได้รับการดูเเลอย่างใกล้ชิดเพื่อชะลอการเสื่อมของไต โดยระมัดระวังการกินอาหารใน 6 กลุ่มต่อไปนี้
- เนื้อสัตว์
แหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่าและเกิดของเสียคั่งในเลือดน้อยกว่าโปรตีนจากพืช แต่หากรับโปรตีนมากเกินไปจะส่งผลเสีย ทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้นเเละเกิดการคั่งของของเสีย และหากรับประทานโปรตีนน้อยเกินไปอาจทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ภูมิคุ้มกันเเย่ลง เพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิตได้ ผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังแต่ละคนจึงต้องเข้ารับการประเมินจากทีมโภชนาการเพื่อเลือกรับประทานเนื้อสัตว์อย่างเหมาะสม
- ข้าวเเละแป้ง
แหล่งพลังงานสำคัญในผู้ป่วยโรคไตเสื่อม ถ้าร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอจะช่วยป้องกันการสลายของมวลกล้ามเนื้อได้ดี อาหารกลุ่มแป้งมีโปรตีนในปริมาณที่เเตกต่างกัน อาจทำให้ผู้ป่วยโรคไตเสื่อมระยะ 3 – 5 จำกัดการรับประทานโปรตีนได้ยาก ผู้ป่วยควรได้รับความรู้ในการเลือกกลุ่มเเป้งที่ถูกต้องและการเลือกใช้แป้งปลอดโปรตีนอย่างเหมาะสม เช่น วุ้นเส้น ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ และสาคู เพื่อให้การรักษาโรคไตเสื่อมเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- ไขมันดี
เลือกไขมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง พบในมันและหนังสัตว์ น้ำมันจากสัตว์ เป็นต้น รับประทานไขมันที่ดีต่อหัวใจ ได่เเก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น
- ผักและผลไม้
เเหล่งเเร่ธาตุที่มีความสำคัญมาก เเต่เมื่อไตสูญเสียความสามารถในการรักษาสมดุลเกลือเเร่บางตัว การเลือกรับประทานผักผลไม้ที่มีเเร่ธาตุต่ำจึงมีความสำคัญต่อการรักษาอย่างมาก ชนิดของผักและผลไม้ที่ควรเลือกรับประทานขึ้นอยู่กับระดับโพแทสเซียม เเมกนีเซียม เเคลเซียม เเละโซเดียมในเลือดขณะนั้น การรับประทานผักและผลไม้ที่เหมาะสมช่วยลดการใช้ยาขับเเร่ธาตุเเละยืดระยะเวลาที่ต้องฟอกเลือดออกไป
- เกลือ
แหล่งของโซเดียม การรับประทานเกลือมากเกินไป ทำให้ได้รับโซเดียมเกินความจำเป็น ความดันโลหิตสูงขึ้น เกิดภาวะบวมน้ำ จึงควรจำกัดการรับประทานโซเดียมไม่เกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา โดยทั่วไปอาหารตามธรรมชาติที่ไม่ปรุงรสจะมีโซเดียมอยู่แล้วจึงไม่ควรรับประทานเกลือหรือซอสปรุงรสต่าง ๆ ที่มีโซเดียมเกินวันละ 1,000 – 1,200 มิลลิกรัม (ตัวอย่างเครื่องปรุงที่มีปริมาณโซเดียม 400 มิลลิกรัม เช่น เกลือ 1/4 ช้อนชา, น้ำปลา 1 ช้อนชา, ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา, ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ, ซอสมะเขือเทศหรือซอสพริก 2 ช้อนโต๊ะ เป็นต้น)
- น้ำเปล่า
ผู้ที่ไตขับปัสสาวะได้ลดลงมีความจำเป็นต้องจำกัดปริมาณน้ำดื่มเพื่อป้องกันภาวะบวมน้ำเเละน้ำท่วมปอด ปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวันจะนับรวมถึงอาหารทุกชนิดที่เป็นของเหลวเเละเครื่องดื่ม เช่น น้ำเปล่า ซุป น้ำผลไม้ น้ำผัก เป็นต้น
วิธีกินยาแก้ปวดหัว ไม่ให้เกิดขนาด ปริมาณเหมาะสม ไม่เสี่ยงตับวาย-ไตพัง
ทั้งนี้ เนื่องจากโปแตสเซียมถูกขับออกทางไต ไตเสื่อมทำให้เกิดการคั่งของโปแตสเซียม ผู้ป่วยมักจะมีการคั่งของโปแตสเซียม ถ้าระดับโปแตสเซียมสูงมาก อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ หากต้องการรับประทานผลไม้ ควรรับประทานก่อนการฟอกเลือด การจัดอาหารให้มีโปแตสเซียมน้อย กระทำได้ยากกว่าการจัดให้มีโซเดียมน้อย เพราะธาตุโปแตสเซียมมีในอาหารทั่วไปทั้งสัตว์และพืช ต่างจากโซเดียมซึ่งมีมากแต่ในสัตว์ เช่น เนื้อ นม ไข่
อาหารที่มีโปแตสเซียมมาก ได้แก่
- ผักที่รับประทานได้ เช่น กะหล่ำปลี แตงกวา บวบ ฟักเขียว ถั่วงอก
- ส่วนผลไม้ที่มีโปแตสเซียมต่ำ รับประทานได้ค่อนข้างมาก เช่น แตงโม และสับปะรด ผลไม้ที่มีโปแตสเซียมปานกลาง เช่น ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง มะละกอสุก มะม่วงสุก มะม่วงดิบ ส้มโอ แอปเปิลแดง สตรอเบอรี่ ลางสาด แคนตาลูป เงาะ ขนุน
- ผักและผลไม้ที่พอรับประทานได้ แต่ปริมาณไม่มาก ได้แก่ ถั่วพู ถั่วผักยาว มะเขือยาว หน่อไม้ตรง ผักคะน้า ถั่วลันเตา มะระ หัวผักกาดขาว มะม่วง มะละกอ องุ่น แตงโม แอปเปิล ชมพู่
ทั้งนี้ผู้ป่วยควรพบแพทย์อย่างต่อเนื่องและปฎิบัติการใช้ชีวิตและการกินอาหารตามที่แพทย์กำหนดแต่ละบุคคลเพราะไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องดูแล โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไตต้องใส่ใจเป็นพิเศษ อยากให้ทุกคนตระหนักถึงโรคไตและป้องกันโรคไตด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลี่ยงอาหารเค็มจัด หวานจัด ดื่มน้ำวันละ 8 – 10 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ ตรวจคัดกรองไตอย่างน้อยปีละครั้งด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ
ไตวายเฉียบพลัน VS ไตวายเรื้อรัง แตกต่างกันอย่างไร? อะไรคือสัญญาณโรค?
กลุ่มอาหารโซเดียมสูง กินมากเสี่ยงไตวาย-โรคหัวใจ-กระดูกพรุน