"ชา" หรือ "กาแฟ" เช็กประโยชน์ เลือกเครื่องดื่มให้เหมาะกับเรา
"ชา" หรือ "กาแฟ" ต่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่เครื่องดื่มไหนมีประโยชน์อย่างไร อะไรที่เหมาะกับเรากันแน่ เช็กที่นี่!
"ชา" จัดเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากน้ำเปล่า ขณะที่ "กาแฟ" ก็เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ผู้คนมักดื่มกันหลังตื่นนอนหรือคนที่ต้องทำงานตลอดทั้งวัน
แต่ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ ทั้งต่อร่างกายแล้วก็จิตใจ เราควรจะเลือกอะไร? ข่าวดีคือทั้งชาและกาแฟต่างได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ควรบริโภคอย่างพอเหมาะสมด้วย
10 ประโยชน์ “กากกาแฟ” อย่าเพิ่งทิ้ง! ใช้ต่อได้ดูแลผิวยันงานบ้าน!
4 เหตุผลที่ทำให้ร่างกาย “ขาดน้ำ” เสี่ยงช็อก อันตรายถึงชีวิต
นั่นหมายความว่าในแต่ละวัน คุณอาจต้องเลือกระหว่าง "ชา" หรือ "กาแฟ" เพื่อควบคุมปริมาณคาเฟอีนในร่างกาย ดังนั้นเราควรจะเลือกชาหรือกาแฟกันแน่เพื่อชีวิตที่มีความสุขตลอดทั้งวัน
ประโยชน์ของ "ชา" vs "กาแฟ"
ทั้งชาและกาแฟมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริง แต่ประโยชน์โดยรวมของแต่ละอย่างนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของชาหรือกาแฟ วิธีการปลูก วิธีชง และปริมาณที่บริโภคด้วย
โดยชาได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงมะเร็งบางชนิด ได้แก่ มะเร็งรังไข่ และมะเร็งเต้านม
ส่วนกาแฟนั้น Ilana Muhlstein, RDN บอกว่า การดื่มกาแฟได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ทั้งช่วยลดการอักเสบของร่างกาย บำรุงสุขภาพหัวใจและลำไส้ด้วย
สอดคล้องกับผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Clinical Nutrition ซึ่งพบว่าการดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ และ
ผลการวิจัยในวารสาร Diabetes Care บอกอีกว่า ถ้ายิ่งได้ดื่มกาแฟในระกับปานกลาง จะช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ด้วย
ทั้งนี้ ถ้าคุณอยากเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ เนื่องจากเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดไม่มีไฟเบอร์ คุณอาจต้องรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่างขนมปังโฮลเกรนหรือผลไม้เพิ่มเติมแทน หรือจะผสมผงไฟเบอร์เข้าไปในเครื่องดื่มของคุณเลยก็ได้
"กาแฟ" มีคาเฟอีนมากกว่า 2-3 เท่าของ "ชา"
ชาและกาแฟต่างมีคาเฟอีนทั้งคู่ โดยชาดำ 1 แก้วจะมีประมาณ 50 มิลลิกรัม ชาเขียวมีประมาณ 30 มิลลิกรัม ขณะที่กาแฟ 1 แก้วจะมีปริมาณ 95 มิลลิกรัม นั่นหมายความว่า กาแฟมีปริมาณคาเฟอีนมากกว่าเป็น 2 เท่าของชาดำ และ 3 เท่าของชาเขียว ซึ่งคนทั่วไปไม่ควรกินคาเฟอีนเกินวันละ 400 มิลลิกรัม หรือคิดเป็นกาแฟประมาณ 4 แก้ว
"ชา" ช่วยเพิ่มสมาธิ-ลดเครียด ข้อแตกต่างที่โดดเด่นจาก "กาแฟ"
ชามีคาเฟอีนที่ช่วยทำให้เราตื่นตัวก็จริง แต่มีสิ่งที่พิเศษจากกาแฟ คือ "กรดอะมิโน Theanine" ที่ช่วยลดความเครียดได้ ดังนั้นถ้าคุณกำลังจะเริ่มทำโปรเจกต์สำคัญๆ หรือต้องการโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากๆ ชาดำ หรือ ชาเขียว อาจเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับคุณ เพราะความเครียดที่ลดลงจะช่วยให้คุณไปถึงเส้นชัย
อย่างไรก็ดีชาเขียวเป็นแหล่งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งย้ำให้เห็นถึงศักยภาพในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงมะเร็ง
ส่วนใครที่กำลังมองหาชาและกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน คุณอาจต้องดูส่วนผสมของชาที่ข้างกล่องว่าไร้คาเฟอีนหรือไม่ หรือเลือกดื่มกาแฟดีแคฟ (Decaf Coffee) แทน
"กาแฟ" ช่วยให้ตื่นตัว แต่อาจส่งผลเสียถ้าดื่มมากเกิน
กาแฟมีคาเฟอีนที่ช่วยให้ตื่นตัวสูง หากดื่มมากเกินไปคุณอาจได้รับผลเสียแทน คือ ความวิตกกังวลที่มากขึ้น นอนไม่หลับ หัวใตเต้นเร็ว และความดันโลหิตสูงขึ้น ที่สำคัญกาแฟเป็นกรด ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกะเพาะ หรือประสบปัญหากรดไหลย้อนอาจต้องหลีกเลี่ยง
ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะเลือกชาหรือกาแฟก็ตาม แนะนำว่าให้เลือกเครื่องดื่มที่ไม่ใส่สารปรุงแต่งกลิ่นรส หรือสารให้ความหวานด้วย เพราะนั่นอาจทำให้น้ำตาลของคุณพุ่งสูงและเกิดปัญหาตามมาได้ แต่ถ้าอยากเพิ่มความหวานจริงๆ ให้เลือกใช้น้ำผึ้งหรือน้ำตาลมะพร้าวเทลงตามสัดส่วนที่เหมาะสมแทน
ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์ Realsimple
เปิดลิสต์ 6 อาหารดีที่สุด-ยอดแย่ กินแล้วส่งผลต่อกระดูก
“ไข่” มีวิตามินดีเท่าไร ทำไมถึงควรกินทุกวัน เสริมสร้างกระดูกแข็งแรง