อาหารต้องห้ามคนเป็นกรดไหลย้อน! กินเยอะกินมากเสี่ยงกำเริบรักษาไม่หาย!
กรดไหลย้อน เป็นโรคที่ต้องระมัดระวังการกินเป็นอย่างมาก เพราะหากกินไม่ดีเสี่ยงกำเริบรักษาไม่หายเป็นเรื้อรังบั่นทอนสุขภาพ!
กรดไหลย้อน Gastroesophageal Reflux Disease หรือ GERD จัดเป็นโรคทางเดินอาหารชนิดหนึ่งที่พบได้ทุกเพศทุกวัยเป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก เรอเปรี้ยว เป็นโรคที่มักมีอาการเรื้อรังเป็นๆ หายๆ หากผู้ป่วยยังคงมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบเดิม โดยเฉพาะการกินที่ต้องพิถีพิถันมากกว่าคนปกติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ป่วยเพราะปวดท้องบ่อยๆ
เมนูช่วยระบบย่อยอาหารปรับสมดุลลำไส้ เพิ่มกากใยลดเสี่ยงโรค!
เพิ่มผัก-เติมถั่ว ใส่เครื่องเทศ ลดเสี่ยงมะเร็ง เสริมภูมิได้มากกว่า!
Freepik/ kstudio
น้ำอัดลม

อาหารโรคกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง
- อาหารที่มีแก๊สมาก
เครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายคน คือ น้ำอัดลม ชา กาแฟ โซดา เครื่องดื่มชูกำลัง อาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด อาหารรสเผ็ดจัด หรือ ถั่ว ล้วนเป็นเครื่องดื่มและอาหารโปรดของใครหลายคนแต่ผู้ป่วยกรดไกลย้อนควรระวังให้มาก เพราะอาหารกลุ่มนี้จะเข้าไปกระตุ้นสร้างน้ำย่อยมากยิ่งขึ้นทำให้อาการกำเริบได้ง่าย
- อาหารไขมันสูง
เช่น อาหารทอด ๆ อาหารมัน ช็อกโกแลต ฟาสต์ฟู้ด อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น กะทิ นม เนย ชีส ไอศกรีม หรือไขมันจากเนื้อสัตว์ เป็นต้น เนื่องอาหารเหล่านี้จะไปรวมกับกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการจุก แน่น หรือร้อนที่กลางอกได้
ควรเลือกกินอาหารโปรตีนที่ไขมันต่ำ อย่างเช่น เนื้อปลา ไก่ ไข่ขาว นมไขมันต่ำ หรือน้ำเต้าหู้
- น้ำส้มสายชู
จัดเป็นเครื่องปรุงรสที่มีกรดมาก ดังนั้นผู้ป่วยไม่ควรเติมน้ำส้มสายชูลงในอาหาร เพราะจะเป็นการเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้นไปอีก
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ สุรา ไวน์ ค็อกเทล หรือเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ทุกชนิด ผู้ป่วยกรดไหลย้อนควรเลี่ยง เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีฤทธิ์กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารเปิดออก ทำให้กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น
- ผลไม้ที่มีกรดมาก
ผลไม้ล้วนเป็นสิ่งที่ดีและมีวิตามินแร่ธาตุที่หลากหลาย แต่สำหรับผู้ป่วยกรดไหลย้อนต้องเลือกกินให้ดี และเลี่ยง ผลไม้ที่มีกรดมากอย่างเช่น ส้ม องุ่น มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด หรือน้ำผลไม้รสเปรี้ยวจัด รวมไปถึงซอสมะเขือเทศด้วย
ผลไม้ที่ไม่มีกรดมาก อย่างเช่น กล้วย แตงโม แคนตาลูป แอปเปิ้ล พีช ลูกแพร์ อะโวคาโด
มะกรูด ผักคู่ครัวไทย สารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยการนอนหลับได้!
- ผักที่มีกรดแก๊สมาก
เช่นเดียวกับผลไม้ ผักก็มีประโยชน์อย่างหลากหลาย แต่สำหรับผู้ป่วยกรดไหลย้อยควรเลี่ยงหรือจำกัด อาทิ หอมหัวใหญ่ดิบ กระเทียม พริก พริกไทย หอมแดง เปปเปอร์มินต์ หรือสะระแหน่
รวมทั้งผักดิบทุกชนิด เพราะผักเหล่านี้จะไปเพิ่มกรดแก๊สในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก
- อาหารหมักดอง
อาหารหมักดองอย่าง ปลาร้า หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง ผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม กิมจิ ซูชิบางชนิดที่มีผักดอง ล้วนมีส่วนเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร ก่อให้เกิดอาการจุดเสียดแน่นท้องได้
- อาหารเสริมที่มีไขมันสูง
แม้แต่อาหารเสริมบางชนิดก็ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอาหารเสริมจำพวกน้ำมันตับปลา สารสกัดจากกระเทียม วิตามินอี หรือวิตามินซีก็เสี่ยงเพิ่มกรดในกระเพาะได้เช่นกัน
ควรเป็นไขมันชนิดดีจากอะโวคาโด แฟลกซ์ซีด น้ำมันมะกอก น้ำมันงา หรือน้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น
- หมากฝรั่ง
การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นการเพิ่มการหลั่งน้ำลาย ทำให้เราต้องกลืนน้ำลายลงท้องมากขึ้น เท่ากับว่าได้กลืนลมลงกระเพาะอาหารมากขึ้นด้วย ดังนั้นผู้ป่วยกรดไหลย้อนจึงไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆ
นอกจากนี้ยังแพทย์ยังแนะนำว่าผู้ป่วยควรดื่มน้ำขิงเป็นประจำ เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม ช่วยย่อย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยลดอาการท้องอืด หรืออาการกรดและแก๊สในกระเพาะเกินได้ ที่สำคัญคือไม่ควรกินแล้วนอน ควรเว้นเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงจึงเอนตัวลงนอนได้ และควรนอนตะแคงซ้ายพร้อมกับหนุนหัวเตียงให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว ที่สำคัญควรควบคุมน้ำหนักตัวให้ดี เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูงที่เสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อนได้มากขึ้น รับรองหากเลือกกินและปรับการกินโรคกรดไหลย้อนดีขึ้นแน่นอนค่ะ!
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 2
รวมวิตามินบำรุงสายตา ลดจอประสาทตาเสื่อม เพิ่มการมองเห็นในที่มืด
โภชนาการหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี เพิ่มการฟื้นฟู ไม่กลับมาเป็นซ้ำ!