ส้มโอ ผลไม้วิตามินซีสูงปกป้องเซลล์ ไฟเบอร์เยอะช่วยบำรุงลำไส้
ส้มโอ ผลไม้ยอดนิยมทั้งกินผลสดและนำมาแปรรูปเป็นอาหารทั้งคาวหวาน อีกทั้งยังมีสรรพคุณด้านสมุนไพร เผยข้อแนะนำที่ไม่ควรกินเยอะเกินไปเสี่ยงท้องเสีย
ส้มโอ (pummelo) พืชตระกูลเดียวกับ ส้มเขียวหวาน มะนาว มะกรูด ส้มเช้ง และส้มเกรปฟรุต จึงเป็นที่มาของชื่อสามัญของส้มโอ ว่า Pomelo ที่หมายความว่า ส้มที่มีผลเท่าฟักทอง มีรสชาติหวาน หรืออมเปรี้ยวตามสายพันธุ์ มีสัมผัสที่กรอบอร่อย แถมกินสนุก เพราะเหมือนได้กินเกล็ดในส้มสดที่มีขนาดใหญ่กว่า นิยมกินผลสด หรือนำมา แปรรูปเป็นน้ำปั่น หรือ ผสมทำไอศครีม รวมถึงนำมาทำอาหาร เช่น ตำส้มโอ, ข้าวยำ เป็นต้น
ลูกหม่อน หรือ มัลเบอร์รี ผลไม้เปรี้ยวอมหวาน สารต้านอนุมูลอิสระสูง
ลูกหม่อน หรือ มัลเบอร์รี ผลไม้เปรี้ยวอมหวาน สารต้านอนุมูลอิสระสูง
นอกจากนี้ยังมีการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของส้มโอ อีกเช่นเปลือกด้านนอกของส้มโอนำมาบดผสมสำหรับทำธูปหอม ธูปไล่ยุง หรือ นำเปลือกส้มโอชั้นในส่วนที่เป็นสีขาวมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ เช่น สบู่เหลว, สบู่, โลชั่นบำรุงผิว หรือ นำมาทำเป็นน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น
ประโยชน์ของส้มโอ
- ส้มโอมีวิตามินซีในปริมาณมาก ช่วยปกป้องเซลล์ และช่วยให้สุขภาพแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย แถมยังช่วยบำรุงเรื่องความสวยความงาม ช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว ส่งผลให้ผิวพรรณของคุณกระจ่างใส และต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยอันควร
- ในส้มโอ 1 ผลมีไฟเบอร์ 6 กรัม ซึ่งเป็นเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ ช่วยป้องกันอาการท้องผูก ทำให้คุณขับถ่ายได้ง่าย นอกจากนั้น ใยอาหารยังทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารให้แก่แบคทีเรียที่ดี ช่วยทำให้ลำไส้ของคุณมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น ทั้งยังลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคเบาหวาน
- ส้มโอเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุประเภทต่างๆ เช่น แคลเซียม เหล็ก ทองแดง สังกะสี แมงกานีส และโพแทสเซียม ซึ่งมีคุณสมบัติบำรุงกระดูกให้แข็งแรง และป้องกันโรคกระดูกพรุน
- จากการศึกษาของ The Vietnam National University พบว่า ส้มโอมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราที่ช่วยในการรักษาโรคติดเชื้อบางชนิด และยังค้นพบอีกว่า น้ำมันหอมระเหยที่ทำจากส้มโอมีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อรา
- ส้มโอช่วยให้หัวใจของคุณแข็งแรงโดยการลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์อันเป็นไขมันในเลือด 2 ชนิดที่เชื่อมโยงกับภาวะความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
- ส้มโอเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันและฟื้นฟูความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
มะเดื่อฝรั่ง(ลูกฟิก)ประโยชน์ผลไม้โภชนาการสูง ช่วยคุมน้ำตาลในเลือด
ข้อแนะนำก่อนกินส้มโอ
- ควรกินในปริมาณเหมาะสม หรือ รับประทานส้มโอสลับกับผลไม้ชนิดอื่นที่หวานน้อยกว่า เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป นอกจากนี้การกินเยอะเกินอาจทำให้ท้องเสีย และปวดมวนท้องได้
- ส้มโอเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับเกรปฟรุต จึงอาจเกิดปฏิกิริยาขึ้นได้เมื่อใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาลดไขมันในเลือด และยาแก้แพ้บางชนิด หลีกเลี่ยงการรับประทานส้มโอในช่วงที่ใช้ยา เช่น ยา Simvastin, Crizotinib, Halofantrine, Dronedarone และ Domperidone เป็นต้น หรือ ปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนเกี่ยวกับปฏิกิริยาของยาที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อรับประทานส้มโอ
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมประชาสัมพันธ์ และ disthai
อาซาอิ ผลไม้เติมความสดชื่น อุดมใยอาหาร ช่วยให้ซูเปอร์เฟรชได้ทุกวัน!
“กล้วยหอม”ผลไม้เติมความสดชื่น ป้องกันท้องผูก แต่กินเกินอาจแคลอรีพุ่ง!