แหล่งวิตามินที่ควรกินเป็นประจำ และวิธีเลือกวิตามินเสริมเพื่อสุขภาพ
หลายต่อหลายคนอาจมีภาวะขาดวิตามินโดยไม่รู้ตัว จากการกินอาหารไม่ครบ 5 หมู่หรือชอบกินซ้ำๆเดิมๆ แพทย์แนะวิตามินที่ควรกินเป็นประจำ และวิธีเลือกผลิตภัณฑ์เสริมให้ได้คุณภาพ
วิตามิน สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำหน้าที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบต่าง ๆ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ซึ่งเป็นไปตามวัย อย่างไรก็ตามในชีวิตประจำวันของเรา ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและเคร่งเครียด การได้รับวิตามินจากอาหารเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมวิตามินเพื่อทดแทนส่วนที่ขาดหายไป
5 แหล่งวิตามินปราการผิว ช่วยบำรุงลดรอยด่างดำ เหี่ยวย่นช่วยชะลอวัย
วิตามิน-เกลือแร่ บำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ลดความอ่อนเพลีย!

ใครบ้างที่ควรกินวิตามินเสริม?
- ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ไม่มีเวลารับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หรือรับประทานอาหารเมนูเดิมซ้ำ ๆ ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและวิตามินบางกลุ่ม
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยหรือดูดซึมสารอาหาร เกิดจากโรคประจำตัวและการได้รับยาบางชนิด จึงไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
- ผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่างที่ทำให้ร่างกายต้องการสารอาหารมากขึ้น เช่น ตั้งครรภ์ อยู่ในช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัด เป็นต้น
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ซึ่งอวัยวะภายในและร่างกายย่อมเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา ทำให้ต้องการวิตามินบางกลุ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ
หากคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับสารอาหารและวิตามินไม่เพียงพอ จึงต้องได้รับวิตามินเสริมและอยากรู้ว่าตัวเองควรกินวิตามินอะไรบ้าง เพื่อบำรุงสุขภาพในชีวิตประจำวัน ดูแลร่างกายให้แข็งแรงและห่างไกลจากโรคภัยในระยะยาว สามารถเช็กรายชื่อวิตามินที่สำคัญต่อร่างกายในส่วนถัดไปได้เลย
แหล่งวิตามินที่ควรกินทุกวัน
ร่างกายของมนุษย์ถือเป็นกลไกที่มีความซับซ้อน ประกอบไปด้วยอวัยวะและระบบต่าง ๆ จำนวนมาก หากอยากให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ห่างไกลจากภาวะและปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ก็ควรให้ความสำคัญกับอาหารที่กินเข้าไปในทุกมื้อ ทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ และวิตามิน ซึ่งวิตามินที่ควรกินทุกวัน ได้แก่วิตามินเหล่านี้
- วิตามิน A
เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีส่วนช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา และป้องกันโรคตาบางชนิด รวมทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันด้วย พบมากในไข่แดง ตับ มะละกอ แคร์รอต ฟักทอง ผักคะน้า ผักโขม
- วิตามิน B
คืออีกหนึ่งกลุ่มวิตามินที่ควรกินทุกวัน เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ สามารถละลายได้ในน้ำ ประกอบไปด้วยวิตามินหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันไป
- วิตามิน B1: เผาผลาญน้ำตาลให้กลายเป็นพลังงาน ช่วยในการเจริญเติบโตและการทำงานของเซลล์ บำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อ พบในข้าวกล้อง ถั่ว งา จมูกข้าวสาลี
- วิตามิน B2: ช่วยเรื่องการเจริญเติบโต บำรุงผิว ผม และเล็บ ป้องกันแผลในปากและโรคปากนกกระจอก พบในเนื้อสัตว์ ไข่แดง ผักสีเขียว อัลมอนด์
- วิตามิน B3: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ช่วยเผาผลาญไขมัน ลดคอเลสเตอรอล และดีต่อระบบไหลเวียนเลือด พบในเนื้อแดง เห็ด อาโวคาโด
- วิตามิน B5: วิตามินสำคัญในการทำงานของสมอง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด พบในเนื้อวัว เนื้อไก่ ผลิตภัณฑ์จากนม
- วิตามิน B6: สำคัญต่อพัฒนาการของสมอง ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคนิ่วในไต และเผาผลาญโปรตีน พบในเนื้อไก่ ปลาแซลมอน กล้วย ไข่แดง
- วิตามิน B7: ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ แก้ปัญหาเล็บเปราะ และบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ พบในไข่แดง ถั่ว ธัญพืช ตับ บรอกโคลี
- วิตามิน B9: ดีต่อสุขภาพผิว แก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ป้องกันความผิดปกติแต่กำเนิดของทารกในครรภ์ พบในไข่ ผักโขม คะน้า ตับ
- วิตามิน B12: ส่งผลดีต่อการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มความจำ ลดความเครียด ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง พบในเนื้อแดง เนื้อปลา ผลิตภัณฑ์จากนม
- วิตามิน C
มีคุณสมบัติหลักในการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทำให้ไม่ป่วยง่าย อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัยและทำให้ผิวพรรณเต่งตึงด้วย พบมากในผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี พริกหวาน ปวยเล้ง
- วิตามิน D
มีส่วนช่วยในการลดความเครียด ต้านภาวะซึมเศร้า แก้ปวดรูมาตอยด์ ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี จึงลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนได้ โดยร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินชนิดนี้ได้เองจากการโดนแสงแดด หรือสามารถรับประทานเสริมได้จากไข่แดง นม ธัญพืช และปลาที่มีไขมันสูง
- วิตามิน E
ช่วยบำรุงสมอง สายตา ผิวพรรณ และเซลล์เม็ดเลือดแดง รวมทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ และป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ พบในอาหารหลายชนิด เช่น อาลมอนด์ มะเขือเทศ น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน ไข่
- วิตามิน K
มีส่วนช่วยเรื่องการแข็งตัวของเลือด ช่วยบำรุงกระดูกและป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน และช่วยป้องกันโรคหัวใจ พบมากในผักใบเขียว ไข่ ชีส ถั่วนัตโตะ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันคาโนลา
วิธีรับประทานวิตามินเสริมอย่างปลอดภัย
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานวิตามิน เพื่อขอคำแนะนำในการรับประทานวิตามินที่เหมาะสมกับช่วงอายุและปัญหาสุขภาพ
- รับประทานวิตามินตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ป้องกันการเกิดภาวะขาดวิตามิน หรือได้รับวิตามินชนิดใดชนิดหนึ่งปริมาณมากเกินไป
- อ่านฉลากผลิตภัณฑ์วิตามินอย่างละเอียดก่อนรับประทาน เพื่อตรวจสอบปริมาณวิตามินและสารอาหารอื่น ๆ ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์
- หากรับประทานวิตามินแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์
อย่างไรก็ตาม “วิตามินเฉพาะบุคคล” (Customized Supplements) ทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ โดยแพทย์ผู้ชำนาญการจะออกแบบด้วยการวิเคราะห์จากผลตรวจสุขภาพ เพื่อให้ได้ชนิดและปริมาณวิตามินที่ควรกินทุกวันที่ตรงกับความต้องการของร่างกายเฉพาะคุณ เป็นวิตามินเกรดทางการแพทย์ที่ผ่านการตรวจสอบโลหะหนักแล้ว สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย
ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS Wellness Clinic