สธ.เผยผลตรวจกลุ่มเสี่ยงฝีดาษลิง เป็นลบหมด เร่งตามตัวชาวต่างชาติหลบหนี
สธ.เผยยังไม่พบผู้ป่วยฝีดาษลิงในไทยเพิ่ม ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดยังเป็นลบ เร่งติดตามตัวชาวเบลเยี่ยมสัมผัสเสี่ยงหลบหนี แนะ 3 แนวทางป้องกันโรค
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง (Monkeypox) ภายในประเทศไทยว่า ปัจจุบันยังพบผู้ติดเชื้อ 2 ราย รายแรกเป็นผู้ติดเชื้อชายชาวไนจีเรียอายุ 27 ปี มีผลตรวจยืนยันพบเชื้อในวันที่ 18 กรกฏาคมที่ผ่านมา ก่อนหลบนี้ไปกัมพูชาในวันที่ 21 กรกฏาคม และรักษาตัวอยู่ที่นั่น ขณะนี้ทราบว่าหายดีแล้ว ส่วนการเฝ้าระวังและตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในพื้นที่ภูเก็ตและผู้ที่พบในสถานบันเทิงรวมแล้ว 50 ราย ยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่
คลายทุกข้อสงสัย “ฝีดาษลิง” แพร่เชื้อได้เหมือนโควิดไหม-รักษาได้ที่ไหน
"เริม" ติดไม่ง่ายแต่ติดได้ รู้ชัดแยกความต่าง "อีสุกอีใส - ฝีดาษลิง"
ในรายที่สองนั้น เป็นชายไทยอายุ 47 ปี มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับชายต่างประเทศ จากการตรวจสอบผู้สัมผัสเสี่ยงภายในบ้านผู้ติดเชื้อรวม 18 คน ได้ผลตรวจเป็นลบทุกราย และจะสังเกตอาการต่อเนื่องไปจนครบ 21 วัน ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดชาวยุโรป มีผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ 2 ทั้ง ได้ผลตรวจเป็นลบเช่นกัน แต่อีกรายซึ่งเป็นชาวเบลเยี่ยม คาดว่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลและติดตามตัวอยู่
สธ.เผยผลตรวจกลุ่มเสี่ยงฝีดาษลิง เป็นลบหมด เร่งตามตัวชาวต่างชาติหลบหนี
เผยสาเหตุ "ฝีดาษลิง" ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับโรคหนองใน ซิฟิลิส และเหตุที่คุมยาก
นพ.โอภาส กล่าวถึงการควบคุมโรคฝีดาษวานรอีกว่า มาตรการที่ทำกับโควิด-19 เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย มีความรุนแรงสูง เพราะฉะนั้นมาตรการที่ใช้จึงมีความเข้มงวดมาก มีทั้งมาตรการทางสังคมและมาตรการทางกฎหมายค่อนข้างเยอะ แต่ในโรคฝีดาษวานร ที่ไม่มีความรุนแรงของโรคมากนัก และการติดต่อของโรคค่อนข้างยาก มีกลุ่มเสี่ยง มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
ดังนั้นการป้องกันโรคฝีดาษลิงที่สำคัญ คือ 1.) การป้องกัน (Prevent) การคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศ การระบุกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชาย จะเน้นการสื่อสารเพื่อลดโอกาสเสี่ยง หรือกิจกรรมเสี่ยง 2.) การเฝ้าระวัง (Detect) ขณะนี้มีการเฝ้าระวังในสถานพยาบาล หากเจอผู้ป่วยสงสัยที่มีตุ่ม มีฝี มีหนอง จะได้รับการตรวจคัดกรองหาเชื้อต่อไป และ 3.) การค้นหาผู้ป่วย (Respond) กลุ่มเสี่ยง และควบคุมกลุ่มเสี่ยง ตามไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อยืนยันรายก่อนหน้า เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อในวงกว้างต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถค้นหาแหล่งโรคและจำกัดแหล่งโรคไม่ให้เกิดในวงกว้าง เชื่อว่ามาตรการในขณะนี้น่าจะเพียงพอและสามารถเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ได้อย่างใกล้ชิด
ส่วนเรื่องวัคซีนฝีดาษนั้น ไม่จำเป็นต้องฉีดให้คนไทยทุกคน แต่ต้องเลือกกลุ่มที่เหมาะสม
โดยการฉีดวัคซีนชนิดใดในวงกว้าง จะคำนึง 4 ปัจจัย คือ ประสิทธิภาพ ผลข้างเคียง สถานการณ์การระบาด และความเป็นไปได้ในการจัดบริการ ซึ่งขณะนี้ประสานองค์การเภสัชกรรมในการจัดหาวัคซีนฝีดาษรุ่นที่ 3 จำนวน
1,000 โดส ฉีดคนละ 2 โดส คาดว่าจะหาเข้ามาได้ในช่วงครึ่งเดือนหลังของสิงหาคมนี้ ซึ่งวัคซีนรุ่นที่ 3
มีผลข้างเคียงน้อยกว่า โดยจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเพื่อกำหนดระยะห่างในการฉีดและกลุ่มเป้าหมายต่อไป
ป่วยฝีดาษลิงทั่วโลก 2.28 หมื่น เสียชีวิต 3 ราย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกฝีดาษลิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฏาคม 2565 มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว 22,812 ราย (เพิ่มขึ้น 6,502 ราย หรือเฉลี่ย 500 รายต่อวัน) ใน 75 ประเทศ โดยส่วนใหญ่พบผู้ป่วยในสหรัฐและยุโรป ซึ่งระบาดเป็นสายพันธุ์ Western African ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้
ส่วนสถานการณ์ในเอเซีย ปัจจุบันเริ่มมีรายงานเพิ่มเติมหลายประเทศด้วยเช่นกัน โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือ สิงคโปร์ รองลงมา ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และล่าสุดที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางต่างประเทศ แต่ก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะเริ่มติดกันภายในประเทศแล้ว อย่างสิงคโปร์ มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 10 รายขึ้นไป
สธ.ยก “Covid rebound” แนะผู้ป่วยโควิดกินยาต้านไวรัสตามหมอสั่ง
สธ.ย้ำ “ฝีดาษลิง” ไม่ได้ติดต่อง่าย ล่าสุดยังไม่พบติดเชื้อเพิ่ม
ขณะที่พบผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย อยู่ในสเปน 2 ราย และ บราซิล 1 ราย โดยรายหนึ่งมีโรคแทรกซ้อนสมองอักเสบ และอีกรายป่วยเป็นโรคมะเร็งร่วมด้วย ส่วนอีกหนึ่งรายรอยืนยันข้อมูล
ดังนั้นผู้ป่วยที่มีโรคประจำเรื้อรังถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่จะต้องมีความระมัดระวังในการป้องกันการติดเชื้อและการดูแลรักษาตัว