“ไข้เลือดออก” ป่วยรวมตั้งแต่ต้นปี 1.2 แสนราย เตือนงานบุญระวังยุงลายชุก
สธ.เผยไข้เลือดออกรวมแล้วกว่า 1.2 แสน เสียชีวิต 139 ราย (มกราคม-ตุลาคม 2566) เตือนระวังงานบุญ เช่น ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า และลอยกระทง หลังพบวัดเป็นสถานที่ที่มีดัชนีลูกน้ำยุงลายสูงสุด อาจเกิดการระบาดของโรคได้
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 1 พฤศจิกายน 2566 มีผู้ป่วยสะสม 123,081 ราย เสียชีวิต 139 ราย ซึ่งผู้ป่วยในปีนี้พบว่าสูงกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน 3.4 เท่า ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ล่าสุด 3,613 ราย และอัตราป่วยตายสูงสุดอยู่ในกลุ่มอายุ 25-34 ปี แม้จะพบการรายงานผู้ป่วยลดลง แต่ในบางพื้นที่ยังคงพบการระบาดอยู่ ที่น่าเป็นห่วง
ไข้เลือดออกตั้งแต่ต้นปีพบแล้วกว่า 1 แสนราย เสียชีวิตเกิน 100 ราย
8 ข้อต้องรู้ “ไข้เลือดออก” ยิ่งเป็นซ้ำยิ่งรุนแรงอันตรายเสี่ยงชีวิต
ช่วงนี้ประเทศไทย มีเทศกาลบุญต่อเนื่องหลังออกพรรษา เช่น ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า และลอยกระทง เทศกาลดังกล่าวจะมีประชาชนเข้าวัดทำบุญมากมายย้ำการจัดการให้วัดปลอดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย และป้องกันยุงลายกัด นอกจากนี้เป็นช่วงเปิดเทอมของสถานศึกษาทั่วประเทศด้วย ซึ่งล่าสุดข้อมูลเฝ้าระวังสถานการณ์โดยการสำรวจลูกน้ำยุงลายเพื่อประเมินความเสี่ยงยุงลายในพื้นที่หลัก 7ร. คือ
- กลุ่มโรงธรรม (วัด/มัสยิด/โบสถ์)
- โรงแรม/รีสอร์ท โรงเรือน (บ้าน/อาคาร)
- โรงเรียน โรงงานอุตสาหกรรม
- โรงพยาบาลและสถานที่ราชการ
โดยพบว่าวัดเป็นสถานที่ที่พบลูกน้ำยุงลายสูงสุด คือร้อยละ 60.9 รองลงมาคือโรงงาน/สถานที่โดยรอบร้อยละ 55.6 และโรงเรียนร้อยละ 46.0 ตามลำดับ จึงเป็นความเสี่ยงต่อ
การระบาดของโรคติดต่อนำโดยยุงลาย ต้องขอให้ผู้เกี่ยวข้องร่วมมือกันเข้าไปจัดการสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เร่งรัดการกำจัดลูกน้ำยุงลายในภาชนะน้ำขังต่างๆ เช่น ถัง/อ่างน้ำในห้องน้ำ จานรองกระถางต้นไม้ที่ปลูกประดับไว้ แจกันไหว้พระ แจกันพลูด่าง/อ่างบัว ยางรถยนต์เก่าที่จัดเป็นสวนนั่งเล่น และขยะบริเวณโดยรอบ เป็นต้น
หากพบผู้สงสัยว่าป่วยไข้เลือดออก เช่น มีไข้สูง ทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลงนานเกิน 2 วัน หน้าแดง ตาแดง ปวดท้องถ่ายดำ มีเลือดออกตามไรฟัน หรือเลือดกำเดา ให้สงสัยว่าอาจป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อย่าปล่อยไว้ ให้รีบไปรับการรักษาจะช่วยลดโอกาสเสียชีวิตลงได้ ทั้งนี้ให้ผู้ป่วยป้องกันยุงลายกัดโดยทายากันยุง และรีบกำจัดยุงในบ้านเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเดงกีต่อให้กับผู้อื่น
“ไข้เลือดออก”สัญญาณภาวะแทรกซ้อนอันตรายถึงชีวิต-เป็นซ้ำเสี่ยงกว่าเดิม
โดยผู้ป่วยสามารถตรวจได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)หากได้รับวินิจฉัยและการรักษาอย่างรวดเร็วก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการช็อกจนทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ สำคัญคือเมื่อเป็นไข้ห้ามซื้อยาลดไข้กลุ่มเอ็นเสด เช่น ไอบูโพรเฟน หรือยาแอสไพริน ทานเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกง่าย ให้ใช้ยาพื้นฐานคือ ยาพาราเซตามอลทานก่อน ทั้งนี้ จากการสอบสวนหาสาเหตุของผู้เสียชีวิตยังพบปัจจัยเสี่ยงที่ต้องย้ำเตือนคือการไปรับการตรวจวินิจฉัยช้าในผู้ใหญ่ ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งมักมีโรคประจำตัวทำให้เพิ่มความเสี่ยง เช่นโรคตับแข็งจากการติดสุราเรื้อรังในผู้ชาย การอยู่ในช่วงมีประจำเดือนในผู้หญิงส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในเด็กพบว่าเป็นภาวะอ้วน
ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยปฏิบัติตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ เก็บบ้านให้สะอาด ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบ้านและรอบบ้าน ให้มีความเป็นระเบียบแสงแดดส่องเข้าถึงไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง เก็บขยะบริเวณรอบบ้านไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และ เก็บน้ำ ปิดฝาภาชนะที่ใส่น้ำให้มิดชิด จัดการภาชนะไม่ให้มีน้ำขัง เปลี่ยนน้ำในแจกันทุกสัปดาห์ ป้องกันยุงลายมาวางไข่อีกทางเลือกหนึ่งคือการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดโดยการทาโลชั่นกันยุง นอนในมุ้ง มีมุ้งลวด ใช้ยาจุดกันยุง และใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ปัจจุบันมีวัคซีนไข้เลือดออก 2 ชนิดที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยเป็นวัคซีนทางเลือกที่มีให้บริการในภาคเอกชนโดยกำลังติดตามข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิผลในภาคสนามจริงเพื่อพิจารณาการใช้เป็นมาตรการร่วมกับการป้องกันยุงลายต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
“ไข้เลือดออก”สัญญาณภาวะแทรกซ้อนอันตรายถึงชีวิต-เป็นซ้ำเสี่ยงกว่าเดิม
สหรัฐฯ อนุมัติใช้ “Ixchiq” วัคซีนป้องกันโรคชิคุนกุนยาตัวแรกของโลก