ไทยเร่งตรวจคุณภาพวัคซีน "ฝีดาษ" รุ่นแรก ฉีดได้ถึง 5 แสนคน ในกรณีจำเป็น
ไทยเร่งตรวจสอบคุณภาพวัคซีนฝีดาษรุ่นแรก หากมีคุณภาพใช้ได้ น่าจะสามารถนำมาใช้ได้ในกรณีที่มีความจำเป็น
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ได้เผยข้อมูลผ่าน ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย เกี่ยวการฉีดวัคซีนฝีดาษในไทยที่สามารถใช้ป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ โดยระบุว่า
ข้อมูลล่าสุด วัคซีนป้องกันฝีดาษที่องค์การเภสัชกรรมเก็บรักษาไว้ สามารถฉีดได้มากถึง 500,000 คน
หลังจากที่มีข่าวว่า องค์การเภสัชกรรมได้เก็บวัคซีนป้องกันฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษไว้นานกว่า 40 ปี จำนวน 10,000 ขวด และต่อมาได้ส่งวัคซีนดังกล่าวให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อทำการตรวจเบื้องต้น
รู้จักวัคซีนฝีดาษลิง รุ่น 3 สร้างภูมิต้านทาน ไม่เกิดตุ่มหนอง
"เริม" ติดไม่ง่ายแต่ติดได้ รู้ชัดแยกความต่าง "อีสุกอีใส - ฝีดาษลิง"
พบว่าสามารถเพาะเชื้อจากไวรัสเชื้อเป็นในวัคซีนดังกล่าวได้ ซึ่งแสดงว่าคุณภาพของการเก็บรักษาวัคซีนดีมาก และน่าจะสามารถนำมาใช้ได้ในกรณีที่มีความจำเป็น ขณะนี้มีข้อมูลล่าสุดเพิ่มเติมว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังตรวจในขั้นตอนต่อไป เรื่องสิ่งปนเปื้อน ถ้าไม่มี ก็จะถือว่าวัคซีนมีคุณภาพใช้ได้
ที่น่าสนใจคือ มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าวัคซีนในแต่ละขวดนั้น สามารถฉีดหรือปลูกฝีได้ขวดละ 50 คน ทำให้วัคซีนดังกล่าวที่เก็บไว้ จะรองรับการฉีดได้มากถึง 500,000 คน อย่างไรก็ตาม วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 ซึ่งใช้ในสมัยที่มีการกำจัดไข้ทรพิษหรือฝีดาษทั่วโลก เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งยังคงเป็นวัคซีนเชื้อเป็น แต่ผลิตขึ้นโดยการเพาะเลี้ยงในเซลล์วีโร่ (Vero cell)
ส่วนวัคซีนในเจนเนอเรชั่นที่ 3 เป็นวัคซีนเชื้อเป็นเช่นเดียวกัน แต่ทำให้ไวรัสไม่สามารถจะเพิ่มจำนวนได้ จึงมีผลข้างเคียงน้อยลง และไม่ใช้การสะกิดหรือปลูกฝีที่ผิวหนัง แต่ใช้การฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 4 สัปดาห์เป็นของบริษัทเดนมาร์ก และได้รับการจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาแล้ว
ถาม - ตอบเรื่อง "โรคฝีดาษลิง" รู้ระวังไม่ตื่นตระหนก ฝีดาษ ฝีดาษลิง
โดยสรุป
1) วัคซีนป้องกันฝีดาษหรือไข้ทรพิษในคน ซึ่งสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ด้วยนั้น มีพัฒนาการมา 3 เจนเนอเรชั่นแล้ว
2) วัคซีนที่องค์การเภสัชกรรมเก็บไว้เมื่อ 40 ปีก่อน เป็นวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1
3) วัคซีนดังกล่าวเมื่อตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่ามีคุณภาพดี
4) วัคซีนดังกล่าว สามารถรองรับการฉีดได้ถึง 500,000 คน
5) การพิจารณาฉีดวัคซีนดังกล่าวนั้น คงขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็น และอาจต้องพิจารณาวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
“ฉลามขาว” อาจเป็นสาเหตุให้ฉลามยักษ์ “เมกาโลดอน” ต้องสูญพันธุ์