เปิดชนักติดหลังแกนนำ หลังรัฐบาลขู่เข้มดำเนินคดี
เช้านี้ตำรวจ สน.ยานนาวา คุมตัวการ์ดวีโว่และผู้ร่วมชุมนุมที่ถูกจับกุมหลังชุมนุมหน้าสถานทูตไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารในเมียนไปขออำนาจศาลฝากขัง และได้รับการประกันไปด้วยหลักทรัพย์คนละ 5 หมื่นบาท และเตรียมออกหมายเรียก นายปิยรัฐ จงเทพ และพวกมารับทราบข้อกล่าวหา
เช้านี้ผู้ถูกจับกุมทั้ง 3 คน ถูกตำรวจ สน.ยานนาวา ขออำนาจศาลฝากขัง โดยนายวิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ อายุ 21 ปี ถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลแขวงพระนครใต้ในความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนนายปัณณพัทธ์ จันทนางกูล อายุ 19 ปี และนายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เรณู อายุ 20 ปี ถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป โดยมีอาวุธ, ขัดขวางเจ้าพนักงาน และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีโทษสูงกว่า
โดยนายปัณณพัทธ์และนายเกียรติศักดิ์ ทวิตเตอร์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า มี ส.ส.และอาจารย์มหาวิทยาลัยใช้หลักทรัพย์ประกันตัวออกไปคนละ 50,000 บาท และนัดให้มารายงานตัวต่อศาลอีกครั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 08.30 น.
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม 3 คน ยังไม่มี นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหหมายเรียกมาดำเนินคดีเช่นเดียวกับกลุ่มแกนนำที่ขึ้นปราศรัยปลุกระดมผู้ชุมนุม รวมถึงชาวเมียนมาที่อ่านแถลงการณ์ก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน
ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาวานนี้ว่า ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายและพยายามไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่มีตำรวจบาดเจ็บจึงต้องมีการจับกุม และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ซึ่งพร้อมจัดการอย่างเด็ดขาดหากจำเป็น พร้อมย้ำว่าเมื่ออยู่ในประเทศไทยก็ต้องปฏิบัติตามกฎ กติกา กฎหมายของไทยอย่างเคร่งครัด
พล.ต.อ.สุวัฒน์ระบุด้วยว่า ด้านการข่าวพบว่ามีคนไทยเข้าไปยั่วยุให้ชาวเมียนมาก่อเหตุวุ่นวาย หน่วยความมั่นคงได้ติดตามอยู่แล้ว และพยายามใช้มาตรการที่เหมาะสม
และวันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าเยี่ยมตำรวจชุดควบคุมฝูงชน 2 นาย ที่บาดเจ็บจากการชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมา โดยอาการของ ส.ต.ต.สุวิทย์ ภู่ไหมพรม ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน มีแผลฉีกขาดใต้เข่าขวา ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกอิฐตัวหนอนปาใส่ใต้เข่า และ ร.ต.ท.ชัยชิต วงศ์แสนประเสริฐ รอง สว.สอบสวน สน.ท่าพระ ช่วยราชการ อคฝ. เยื่อแก้วหูทะลุเนื่องจากถูกลูกประทัดปาใส่ใกล้หูข้างขวา มีอาการปวด หูอื้อ และมีเลือดออกจากหู โดยตำรวจทั้ง 2 นาย จะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจจนกว่าจะหายเป็นปกติ
ประเด็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มวีโว่ หลายครั้งที่ผ่านมาที่มักสร้างเงื่อนไขและเกิดการปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชน มีความเห็นนายสมบัติ ทองย้อย การ์ดเสื้อแดงว่า รู้สึกเป็นห่วงและกังวล เพราะการปะทะกับตำรวจแต่ละครั้งในอดีต ต้องมีเหตุการณ์สำคัญ แต่ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มักมีการสร้างเงื่อนไข จนนำไปสู่การปะทะ แต่ไม่ขอก้าวล่วงว่าตำรวจหรือกลุ่มการ์ดเป็นคนเริ่มก่อน แต่ภาพทั้งหมดถูกบันทึกจากประชาชนและสื่อมวลชน
นายสมบัติได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อวานนี้ว่า กลุ่มวีโว่ควรไปร่วมแสดงออกกับคนเมียนมาในฐานะแขก แต่เมื่อวานเกินเลยคำว่าแขกไปแล้ว เพราะชาวเมียนมประกาศยุติการชุมนุมเวลา 17.00น. แต่ก็เกิดความวุ่นวายก่อน และคนเมียนมาส่วนหนึ่งก็กลับไปแล้ว แต่การ์ดผู้ชุมนุมยังอยู่และเกิดความวุ่นวาย
นายสมบัติ ระบุว่า ยังไม่ปรักปรำว่าฝ่ายใดเริ่มต้นให้วุ่นวาย แต่ จากเหตุการณ์ กลุ่มการ์ดที่ไปชุมนุม ต้องอธิบายให้ได้ว่า ทำไมต้องไปปะทะ และการปะทะแต่ละครั้ง เพราะอะไร สังคมจะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหาก อธิบายไม่ชัดเจนผู้ชุมนุมจะลดลง เพราะอาจถูกมองว่า ไปม็อบคือความวุ่นวาย
นายสมบัติ บอกอีกว่า อยากให้การ์ดกลุ่มที่ไปชุมนุมมีสติ ย้อนคิดถึงการชุมนุมช่วงแรกๆ ที่ ขับเคลื่อนด้วยสันติ เช่น การชุมนุมบริเวณสกายวอล์ก ปทุมวัน และตำรวจสลายด้วยการฉีดน้ำ สังคมในขณะนั้น เห็นใจและเห็นด้วยกับผู้ชุมนุมในการเคลื่อนไหว ไม่ควรปะทะโดยไม่จำเป็นแบบนี้ การอยู่สู้ดีกว่า ไม่ได้อยู่สู้ สู้ข้างนอก ดีกว่าสู้ข้างใน
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มการ์ดเสื้อแดงและกลุ่มราษฎร นายสมบัติ ระบุว่า เรียกว่าแยกย้ายกันทำหน้าที่ หากมีการชุมนุมใหญ่ หัวหน้าแกนนำทุกกลุ่มพร้อมทำหน้าที่ เพราะมีจุดประสงค์หลักเดียวกัน คือ การเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ตร.คุมตัวการ์ดวีโว่ขออำนาจศาลฝากขัง