การประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 2 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับภาคประชาชน ลงมติเป็นแบบขานชื่อทีละคน โดยสมาชิกรัฐสภา มี ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 475 คน ส.ว. 248 คน รวม 723 คน ต้องได้คะแนนรับหลักการวาระแรกองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่ง คือ 363 คนขึ้นไป และต้องมีเสียง ส.ว. 1 ใน 3 คือ 84 คน ร่างรัฐธรรมนูญนี้จึงจะผ่านได้ ล่าสุดลงมติเสร็จสิ้นแล้ว เสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา ไม่รับหลักการ
มติสภาฯ 473 เสียงโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
“ก้าวไกล” ผิดหวัง ปิดสวิตช์ส.ว. ไม่สำเร็จ
ทิศทางการลงมตินั้น ส่วนใหญ่ ส.ว. ไม่รับหลักการ แต่ก็มีส.ว. ที่รับหลักการ คือ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์" ซึ่งจุดยืนก่อนหน้านี้ เคยรับร่างของ ilaw และ เคยแสดงจุดยืนตัดอำนาจ ส.ว.มาแล้ว และ นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.ลงมติรับหลักการ โดยจุดยืนก่อนหน้านี้ เคยลงมติตัดอำนาจ ส.ว.มาแล้ว
ส่วนพรรคการเมืองพรรครัฐบาลเกือบทั้งหมดลงมติไม่รับหลักการ ส่วนพรรคการเมืองฝ่ายค้านส่วนใหญ่รับหลักการทั้งหมด เหตุผลที่ไม่รับหลักการ มีความเห็นจาก นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือ องค์ประกอบศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้มีองค์ประกอบจาก ส.ส.ฝ่ายค้าน 3 คน ส.ส.รัฐบาล 3 คน และจากที่ประชุมศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด 3 คน ซึ่งยังมีเป็นปัญหาความไม่ชัดเจน เรื่องความซ้ำซ้อนอำนาจอธิปไตย และเผด็จการรัฐสภา จึงไม่รับหลักการ
เมียนมาตั้งข้อหาซูจี “ฉ้อโกงเลือกตั้ง”
"สี จิ้นผิง" คุย "ไบเดน" เตือนอย่าเล่นกับไฟ หนุนเอกราชไต้หวัน
สำหรับเหตุผลที่ ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว. ส่วนใหญ่ ไม่รับหลักการนั้น ตลอดการอภิปรายเมื่อวาน มี อยู่ด้วยกัน 2 ประเด็นหลัก 1.มองว่าการยกเลิก ส.ว.โดยไปใช้สภาเดี่ยวถือว่าเป็นข้อเสนอที่สุดโต่งเกินไป อีกประเด็นคือการไปปฏิรูปศาลและองค์กรอิสระถือว่า เป็นการก้าวล่วงอำนาจศาล