หลังเสร็จจากประชุม ครม. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์กับสื่อยืนยันว่า จะยุบสภาแน่นอนประมาณเดือนมีนาคม ทั้งนี้เพื่อให้ทันเลือกเดือน พฤษภาคม ตามที่ กกต. ประกาศไว้
มีรายงานว่า พลเอกประยุทธ์ เลือกวันยุบสภาไว้แล้ว แต่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลือกวันไหน มี วันที่ 8 มีนาคม กับวันที่ 15 มีนาคม ตามฤกษ์วันธงชัย และมีแนวโน้มว่าจะเลือกวันที่ 15 มีนาคม ที่ตรงกับวันพุธ เพราะถือเป็นฤกษ์ดีในการทำกิจการใหม่ที่จะทำให้มีความรุ่งเรือง
ทั้งนี้ ตามความเชื่อจีนโบราณ วันธงชัย ถือเป็นวันสำคัญที่เชื่อกันว่าหากทำสิ่งใดในวันนี้มีเกณฑ์ที่จะประสบความสำเร็จ การงานเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นบ้านใหม่ การเริ่มต้นกิจการ การออกรถ หรือการคลอดบุตรก็จะถือเป็นเสริมสิริมงคล เสริมชีวิตให้กับดวงชะตาทั้งสิ้น ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้คนไทยส่วนใหญ่นิยมเลือกวันธงชัย เป็นฤกษ์ดีในการประกอบพิธีมงคลและเริ่มต้นสิ่งใหม่
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า Timeline หรือตารางเวลาโดยคร่าว ของการเลือกตั้ง ถึงระยะเวลาที่ต้องดำเนินการเกี่ยวกับรัฐบาลรักษาการ จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยในเบื้องต้น สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน จะคบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ตามรัฐธรรมนูญ หากสภาผู้แทนราษฎรครบวาระ จะต้องมีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่หากมีการยุบสภาเกิดขึ้น รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่าจะต้องมีการกำหนดวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาหรือครบวาระ จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของวันเลือกตั้ง แต่อยู่ในกรอบระยะเวลาของแต่ละกรณี โดยคาดการณ์ว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2566 และจะประกาศรับรองในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
ส่วนขั้นตอนต่อไปจะมีการเสด็จพระราชดำเนินเปิดสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตั้งประธานสภา ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณกลางเดือนกรกฎาคม และหลังจากนั้น จะเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม และจะเป็นขั้นตอนการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ต่อมาก็คือในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมเช่นกัน
โดยเมื่อมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว จะมี การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี โดยการที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะใช้เวลาในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ ไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ รัฐบาลชุดปัจจุบัน จะต้องรักษาการอีกประมาณ 4 เดือนครึ่งโดยคร่าว ถึงช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2566
ส่วนวุฒิสภายังคงมีอยู่ แต่ไม่สามารถประชุมได้ เว้นแต่จะเป็นการพิจารณาในการตั้งองค์กรอิสระ ที่จะสามารถดำเนินการได้
ขณะที่ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติต่างๆที่ค้างอยู่ในสภา ทั้ง 2 สภาฯ ประมาณ 29 ฉบับ จะถูกตกไปในทันที และหากหลังเลือกตั้งรัฐบาลจะนำมาพิจารณาต่อก็สามารถดำเนินการได้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและพระราชบัญญัติที่มีการกราบบังคมทูลไปแล้วอยู่ที่ 11 ฉบับ ซึ่งต้องดำเนินการต่อไปตามปกติ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนรัฐบาลสามารถออกพรก. ได้ ส่วนการออกพรบที่เกี่ยวข้องกับกฎกระทรวงต่างๆก็ยังสามารถที่จะดำเนินการออกได้ตามปกติเช่นเดิม
ส่งผลที่เกี่ยวข้องกับครม. เมื่อ ครม. พ้นตำแหน่ง แต่ยังอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป คือครมรักษาการจนกว่าครมชุดใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จะมีการรักษาการ จำนวนเอกสารราชการ หรือการรายงานข่าว ไม่จำเป็นต้องรักษาการสามารถดำเนินการได้ตามปกติ ส่วนข้าราชการการเมืองทุกตำแหน่ง ยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และพ้นจากตำแหน่งในวันเดียวกันกับวันที่คณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่ง
ส่วนหากคณะรัฐมนตรีรักษาการ มีรัฐมนตรีลาออก ยืนยันว่า ไม่กระทบต่อคณะรัฐมนตรี ครม. ยังสามารถประชุมได้ นายกรัฐมนตรี เองมียังคง มีอำนาจในการปรับ ครม. ได้ หากมีความจำเป็น