พรรคก้าวไกลเปิดนโยบาย 15 เรือธงของพรรค ที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคประกาศพร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 เป็นแกนนำปิดสวิตช์ 3 ป. สร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม และนโยบายพรรคเพื่อไทย “ชูบริหารเศรษฐกิจ” ตีจุดอ่อนรัฐบาล “บิ๊กตู่” สร้างประเทศที่ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” พีพีทีวี เทียบอาวุธหลัก 2 พรรค หลังจบศึกเลือกตั้ง 2566
-
สรุปนโยบาย พรรคก้าวไกล เรือธงของพรรคก้าวไกล
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคประกาศพร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 เป็นแกนนำปิดสวิตช์ 3 ป. สร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม สร้างประเทศที่ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 2 กลุ่มคือ กลุ่มนโยบายด้านการเมือง และกลุ่มนโยบายปากท้อง
-
นโยบายด้านปฎิรูปกองทัพ และ รัฐประหาร
ไม่ว่าจะเป็นยกเลิกเกณฑ์ทหาร, ลดจำนวนกำลังพล, ลดขนาดกองทัพ และยุบ กอ.รมน. ยกเลิกกฎอัยการศึกชายแดนใต้ ฝากตำรวจ พรรคก้าวไกลมีนโยบายให้ตำรวจต้องยึดโยงกับประชาชน ให้ผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีส่วนร่วมในการตั้ง ผบ.ตร. ให้มีการประเมินผลงานตำรวจแต่ละจังหวัด ยกเลิกการตัดผมเกรียน และอบรมเรื่องสิทธิมนุษยชนให้แก่ตำรวจอย่างเข้มข้น
-
นโยบายด้านปราบปรามทุจริต
ด้านข้าราชการ เองก็ต้องโปร่งใส่ และไม่มีการทุจริต ด้วยการเปิดข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างให้ประชาชนตรวจสอบได้ ใช้เทคโนโลยีจับโกง สร้างมาตรการคุ้มครองข้าราชการที่แฉการทุจริตในหน่วยงาน พร้อมปฏิรูป ป.ป.ช. ให้ยึดโยงกับประชาชน
-
นโยบายด้านการเมือง
นอกจากนี้ยังจะผลักดันให้เกิดการปลดล็อกท้องถิ่น ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ข้อสุดท้ายของนโยบายด้านการเมืองของพรรคก้าวไกลที่ลืมไม่ได้คือ การเปิดเพดานเสรีภาพ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเสนอว่าต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่ถูกนำมาใช้ปิดปากหรือทำลายผู้เห็นต่างทางการเมืองทั้ง ม.112, 116, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และปฏิรูปสถาบันศาลให้ยึดโยงกับประชาชน
-
นโยบายปากท้อง
ส่วนนโยบายปากท้องนั้น พรรคก้าวไกลเสนอว่าต้องเป็นนโยบายปากท้องแบบใหม่ที่ลดความเหลื่อมล้ำ เลยจัดให้ครบเซต คือ ปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 450 บาททันที และปรับขึ้นตามเงินเฟ้อทุกปี ออกหวยใบเสร็จเพื่อ SMEs ไทย ทุกการซื้อสินค้า 500 บ้านจากร้าน SMEs มีสิทธิแลกรับสลากกินแบ่งรัฐบาลทันที 1 ใบ และจัดงบประมาณอุดหนุน 10,000 ล้านบาท ให้ประชาชนทุกเขตเมืองในไทยมีรถเมล์ไฟฟ้าใช้ในราคาถูกและเข้าถึงได้
-
นโยบายรัฐสวัสดิการ
นอกจากนี้ยังจะยกระดับคุณภาพน้ำประปาทุกที่ในประเทศไทยให้มีคุณภาพดื่มได้ ผ่าน พ.ร.บ.น้ำประปา พร้อมมุ่งขจัดความเหลื่อมล้ำ ผ่านนโยบายรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่จัดสรรให้โดยไม่ต้องมีการลงทะเบียนแย่งชิงกัน เช่น คูปองรับขวัญ 3,000 บาท สำหรับแม่ของเด็กแรกเกิด เงินเลี้ยงดูเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี 1,200 บาทต่อเดือน เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาทถ้วนหน้าโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นต้น
-
นโยบายเกษตรกร
และสุดท้ายการแก้ปัญหาหนี้เกษตรกรอย่างถาวร โดยการรับซื้อหนี้จากเกษตรกร เปลี่ยนพื้นที่เกษตรเป็นสวนป่า รัฐเช่าที่ดินเกษตรกรเพื่อปลูกไม้ยืนตัน และให้เกษตรกรดูแล ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากค่าเช่าและค่าแรง แบ่งส่วนหนึ่งใช้หนี้ ธกส. ได้
-
นโยบายด้านการศึกษา
พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับเด็ก โดยเสนอให้เรียนฟรี อาหารฟรี และมีรถรับส่งให้, ทำสถานศึกษาให้ปลอดภัยไร้อำนาจนิยม, พร้อมทำสถานศึกษาให้มีคุณภาพ สร้างคนให้ทันโลก และการศึกษาไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น ด้วยการส่งเสริมให้เรียนรู้ตลอดชีวิต
-
นโยบายพรรคเพื่อไทย “ชูบริหารเศรษฐกิจ”
“พรรคเพื่อไทย” พรรคคู่แข่งหลัก จะชูเรื่องความเป็นมืออาชีพการบริหารเศรษฐกิจเป็นจุดแข็ง และยังชู “นายเศรษฐา ทวีสิน” ผู้บริหารบริษัทเอกชน ขึ้นเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคด้วย เทียบให้เห็นจะจะกันไปเลยว่า การบริหารเศรษฐกิจ มันต้องใช้ “มืออาชีพ” เพื่อให้ไปถึงจุดนั้น นโยบายที่เปิดมาชุดแรกของพรรคเพื่อไทย จึงเน้น “การสร้างรายได้” เป็นหลัก ในคอนเซ็ปต์ “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส” ตามมอตโต้ “คิดใหญ่ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน”
-
นโยบายเศรษฐกิจมหภาค
พรรคเพื่อไทย จะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ของประเทศ เติบโตเฉลี่ยอย่างต่ำ ปีละ 5% ,เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 ,คนจบปริญญาตรี รวมถึง คนทำงานข้าราชการ ต้องได้เงินเดือน เริ่มต้น 25,000 บาท นอกจากนี้จะมีการสร้างเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone) นำร่อง 4 พื้นที่ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่
-
นโยบายสร้างรายได้เกษตรกร
มุ่งเพิ่มรายได้ขึ้นเป็น 3 เท่า กล่าวคือ ให้มีรายได้ 30,000 บาท ต่อไร่ ต่อปี และให้มีการพักหนี้เกษตรกร ทั้งต้นและดอก 3 ปี ส่วนพืชเกษตรหลัก ที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญ ในการเพิ่มผลผลิต จะมี ข้าว, ยางพารา, มันสำปะหลัง, ลำไย, โดย ข้าวโพด และ ถั่วเหลือง เน้นผลิตลดการนำเข้าปีละ 3 แสนกว่าล้านบาทต่อปี,ส่งเสริมการเลี้ยงโค จากความต้องการปีละ 4 ล้านตัว และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
-
นโยบายคมนาคม
พรรคเพื่อไทย ชู “รถไฟฟ้า กทม.” 20 บาทตลอดสาย และจะให้มีการติดแอร์ให้รถไฟชั้น 3 ทุกขบวน นอกจากนี้ จะยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศให้สามารถเดินทางแบบไปกลับได้ , สร้างความเชื่อมโยงการขนส่งสินค้า เช่น จากลาวเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบัง และสนามบินสุวรรณภูมิ,เชื่อมโยงโครงข่าวรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ เพิ่มทั้งการค้า และการท่องเที่ยว
-
นโยบายสาธารณสุข
พรรคเพื่อไทย เน้น บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย, ระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปี และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV ลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูก ที่สำคัญจะมีการส่งเสริมให้มีสถานชีวาภิบาล ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ใช้งบประมาณ สปสช.
-
นโยบายการศึกษา
มีโครงการ “ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn” เด็กสามารถเข้าสู่การเรียนรู้ได้ทุกช่วงวัย โอนหน่วยกิตที่สะสมไว้หางานได้ทุกช่วงของชีวิตและยังมีโครงการ “Free tablet for all” 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต และ โครงการ 1 ครู 1 แท็บเล็ต,โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS)และให้มีศูนย์การเรียนรู้แบบ TCDC และ TK Park ให้ครบทุกจังหวัด นอกจากนี้ นอกจากอาหารกลางวันฟรีแล้ว จะมีการเพิ่มงบอาหารกลางวันและให้บริการรับส่งนักเรียนฟรี
-
นโยบายรัฐบาลดิจิทัลเพื่อประชาชน
เน้นใช้ระบบ Blockchain สร้างความโปร่งใสให้รัฐบาล ทุกอย่างตรวจสอบได้ ลดการคอรัปชั่น
-
นโยบายแก้รัฐธรรมนูญ
พรรคเพื่อไทยจะ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยคงรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและผ่านขั้นตอนการออกเสียงลงประชามติโดยประชาชน และยังตะลุยปฏิรูปกระบวนการต่างๆ ทั้งกระบวนการยุติธรรม,องค์กรอิสระ,กองทัพ ให้เป็นทหารมืออาชีพ ป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงการเมือง ตลอดจนยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ให้สมัครโดยสมัครใจ
-
นโยบายด้านยาเสพติด
เน้น “ปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขาย” ซึ่งจะทำไปพร้อมๆกับ การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เพื่อทำลายแหล่งผลิตถาวร และ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” บำบัด ลดการกลับไปใช้ยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม พีพีทีวีรวบรวมนโยบายพรรคการเมือง ในศึกเลือกตั้ง 2566 พรรคก้าวไกล,พรรคเพื่อไทย,พรรครวมไทยสร้างชาติ,พรรคพลังประชารัฐ,พรรคภูมิใจไทย,พรรคชาติพัฒนา,พรรคชาติพัฒนากล้า มีครบ