จากกรณีผลสอบคณะกรรมการตรวจสอบความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีข้อสรุปเสนอให้นายกรัฐมนตรีคินตำแหน่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามเดิมนั้น
ล่าสุดนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าว โดยยอมรับว่าเสียใจที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ กรณีร้องขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์
โดยทนายตั้ม ได้ยกมือไหว้ขอโทษผ่านสื่อมวลชน พร้อมบอกว่า ขอโทษที่ทำภารกิจเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ประชาชนทั้งประเทศฝากความหวังไว้กับตน พร้อมยอมรับว่าเสียใจมากและเสียความรู้สึก เพราะตนทุ่มเทกับเรื่องนี้มาก ไปร้องเรียนกับคณะกรรมการหลายคณะ รวมถึงพาพยานบุคคลไปให้การกับตำรวจ สุดท้ายก็ไม่มีความเคลื่อนไหว แต่ยืนยันว่ายังไงก็จะไม่ยอมถอย จะทำต่อไป เพราะที่ผ่านมาตนเอาชีวิตและครอบครัวเข้าแลก ซึ่งต้องระมัดระวังตัวมาโดยตลอดเพราะอาจถูกตามเช็กบิลได้ตลอดเวลา และหลังจากนี้จะเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากกว่าเดิมหลังพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้กลับไปเป็น ผบ.ตร. ซึ่งมีอำนาจในการคุมตำรวจทั้งประเทศ
ทนายตั้ม บอกอีกว่า ตนพอรู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้มีนักการเมืองที่นับถือติดต่อเข้ามา เสนอให้ตนยุติบทบาทโดยมีเงื่อนไขว่าขอดูแล ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการให้เงิน แต่ตนปฏิเสธไปเพราะตนออกมาแฉในฐานะทนายประชาชน และส่วนตัวทราบมาว่ามีการดีลกันให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับไปปฎิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ส่วนก่อนหน้าที่ตนเคยแจ้งความกับตำรวจ สน.เตาปูน และนำหลักฐานการฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ไปมอบให้ โดยอ้างว่าเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และภรรยา รวมถึงนำหลักฐานทางคดีไปร้องเรียนกับคณะกรรมการหลายคณะ แต่กลับไม่เขียนในรายงานตัดสินว่าใครมีความผิดและโยนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อ ยกตัวอย่างคดีที่ สน.เตาปูน พนักงานสอบสวนก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.เอกต่อศักดิ์ จึงเชื่อว่าตำรวจคงไม่กล้าดำเนินคดี ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลและมีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับปล่อยให้ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการระบุว่ามีความขัดแย้งกันจริง แต่ไม่ได้ดูรายละเอียดว่าใครผิดหรือถูก และสุดท้ายก็ให้แยกย้ายกันไปโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความอึดอัดของผู้ใต้บังคับบัญชา ถือว่าเป็นการลอยตัวเหนือปัญหา
ส่วนการมีคำสั่งให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ทนายตั้มบอกว่า รู้สึกว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มี ผบ.ตร.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน สามารถกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมได้ทั้งที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ สิ่งที่ตนเคยแจ้งความร้องเรียนไป แต่ก็ไม่มีรายงานระบุความผิด ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบชุดอื่น และ สน.เตาปูน ก็ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ตนสามารถหาหลักฐานเชื่อมโยงได้ว่าพล.ต.อ.ต่อศักดิ์พัวพันกับ 18 ธุรกิจสีเทา รวมถึงภรรยาของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็ได้รับเงินจากเว็บพนันออนไลน์หลักร้อยล้านบาททั้งที่ไม่มีอาชีพ อีกทั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็ไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่จะสามารถหาเงินได้มากขนาดนี้ ในขณะที่คดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ทำได้อย่างรวดเร็ว มีความสองมาตรฐานอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ตนทราบมาอีกว่าการที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้กลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้ เพราะเดือนหน้ามีภารกิจสำคัญ และคาดการณ์ว่าหลังภารกิจนี้เสร็จสิ้นพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็จะลาออกจากราชการ
ส่วนที่คณะกรรมการกฤษฎีกามีมติ 10 ต่อ 0 ให้ความเห็นว่า คำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ที่รับผิดชอบก็คงหนีไม่พ้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.เพราะเป็นผู้ที่ลงนามคำสั่ง ตนเชื่อว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะไปแจ้งความดำเนินคดีภายหลังแน่นอน และยังเชื่อว่าพล.ต.อ.ต่อศักดิ์คงช่วยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐไม่ได้ เพราะตนรู้นิสัยของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ดีว่าใครทำเขา เขาเอาคืนอยู่แล้ว
ส่วนการแถลงข่าวในวันนี้จะกระทบกับการลงสมัคร สว.หรือไม่ ทนายตั้มระบุว่าตนลง สว. ผ่านระดับจังหวัด ตอนนี้เข้าสู่ระดับประเทศแล้ว ยอมรับว่ามีขบวนการสกัดกั้นไม่ให้ตนเข้าไปมีอำนาจทางการเมือง แต่ตนจะได้เป็นหรือไม่ก็อยู่ที่บุญ วาสนา หากได้เข้าไปเป็น สว.ตนก็จะมีโอกาสทำประโยชน์ได้มากกว่าทุกวันนี้
วิเคราะห์บอล! ยูโร 2024 เดนมาร์ก พบ อังกฤษ 20 มิ.ย.67
ฮิซบอลเลาะห์ขู่โจมตีไซปรัส-ปูพรมถล่มทั่วอิสราเอล
ประกันสังคม ย้ำ ผู้ประกันตนเกษียณอายุ-ชราภาพ รับเงินคืนได้ไม่สูญเปล่า!