“ปลอดประสพ” เห็นด้วย! หนุนสร้าง “เขื่อนแก่งเสือเต้น” แก้ปัญหาน้ำท่วม

วันที่ 1 ก.ย.2567 นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมผลักดันสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำยมนั้น ว่า เห็นด้วย 100% ซึ่งตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปัจจุบัน ก็มีการพูดถึงเรื่องนี้และมีบางฝ่ายที่คัดค้านไม่ให้มีการสร้างเขื่อน

โดยจุดที่จะสร้างมีชื่อว่า บ้านห้วยสัก ต.สะเอียบ จ.แพร่ ปัจจุบันอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่ยม มีน้ำลึกเฉลี่ย 1.30 เมตร แต่ในปีนี้มีพายุฝน ทำให้น้ำลึกถึงเกือบ 10 เมตร

พรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้เมื่อช่วงมีพายุฝน ก็จะก่อให้เกิดมวลน้ำขนาดมหึมาอาจมากถึง 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้น มวลน้ำจำนวนนี้ก็จะไหลลงไปท่วมภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งขณะนี้ 3 แม่น้ำสายหลักของประเทศ คือ ปิง วัง และน่าน มีเขื่อนคอยกักเก็บและบริหารจัดการน้ำแล้ว แต่แม่น้ำยม ยังไม่มีเขื่อนคอยกักเก็บน้ำ จึงทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบน้ำท่วมหลายล้านคน ซึ่งคาดว่ามูลค่าความเสียหายทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมน่าจะอยู่ที่มากกว่าหลาย 10,000 ล้านบาท ดังนั้น ยังมองไม่เห็นวิธีอื่นที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ นอกจากการสร้างเขื่อนนี้ขึ้นมา และมองว่าการเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าก็ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้

นายปลอดประสพ บอกอีกว่า สำหรับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นหากสร้างเขื่อนต้นแม่น้ำยม คือ มีเขื่อนที่สามารถบริหารจัดการปริมาณน้ำได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะส่งผลดีในการป้องกันน้ำท่วมต่อจังหวัดแพร่ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย / และเป็นผลดีต่อการชลประทานในพื้นที่แห้งแล้ง มีจำนวนปลาเพิ่มขึ้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด พื้นที่น้ำใต้ดินมีความชื้นสูง และสามารถผลิตไฟฟ้าได้

นายปลอดประสพ ยังบอกอีกว่า แต่หากพูดถึงโทษก็มีเหมือนกัน เช่น การเสียพื้นที่ป่า 1 แสนไร่ เสียไม้สักทอง และเสียงบประมาณในการดำเนินการ คาดว่า 4-5 หมื่นล้านบาท

ส่วนกรณีที่มีบางฝ่าย อ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวมีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวและจะทำให้เขื่อนพังลงมานั้น นายปลอดประสพ ถามกลับว่า เหตุการณ์เคยเกิดขึ้นช่วงไหน และมีความรุนแรงขนาดเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อเราทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหว ก็เชื่อว่าทางเทคนิค สามารถสร้างเขื่อนที่มีความมั่งคงแข็งแรงได้ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝ่ายที่คัดค้าน มาพูดคุยกัน

อย่างไรก็ตาม นายปลอดประสพ เชื่อว่า หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ว่าหากไม่สร้างเขื่อน จะมีแนวทางไหนในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้ ดีกว่าการคัดค้านเพียงอย่างเดียว